ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

ข้าวพื้นบ้านกับอธิปไตยทางอาหารของชาวนาอีสาน

ข้าวพื้นบ้านกับอธิปไตยทางอาหารของชาวนาอีสาน

In Our NetworkResearch on 16/12/2009 at 9:25 pm
ข้าวพื้นบ้านกับอธิปไตยทางอาหารของชาวนาอีสาน
ปาฐกถาโดย เดชา ศิริภัทร
สวัสดีครับ เรียนท่านประธานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน  ประธานสภาเทศบาลจ.ขอนแก่น พี่บำรุง บุญปัญญา  เรื่องที่เตรียมมานี่เป็นเรื่องอยากพูดกับชาวนาอีสานโดยเฉพาะเป็นห่วงครับ หัวข้อเรื่อง  “ข้าวพื้นบ้านกับอธิปไตยทางอาหารของชาวนาอีสาน”
คำว่าอธิปไตยทางอาหารคืออะไร    ถ้าเป็นประเทศที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครสามารถตัดสินใจเองได้เรื่องอาหาร แต่ถ้าไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะกินอาหาร เมื่อไหร่   นั่นคือ “เมืองขึ้นทางอาหาร”
เข้าใจยากนะครับ เพราะตอนนี้มีของกินมาก  ทั้งไก่ เนื้อหมู แต่ทั้งหมดมาจากฟาร์ม   คำถามคือขณะนี้เรามีโอกาสกินผักพื้นบ้านไหม  แตงโมพื้นบ้านที่ไม่ใส่ยา   มีโอกาสได้กินไหม  กะหล่ำปลี ที่เป็นพันธุ์พื้นบ้าน ไม่ใส่สารเคมี   มีไหม  ถั่วเหลืองที่จะกิน มีไหมที่ไม่ใช่จีเอ็มโอ  ข้าวโพดในตลาดที่ไม่ใช่ลูกผสมมีไหม ไม่มีแล้ว เราไม่มีอธิปไตยทางอาหารแล้วเหลือสุดท้ายคือ ข้าว  เดี๋ยวนี้ยังมี ข้าวอีตม อีตมใหญ่ ข้าวเล้าแตก  ข้าวนางนวล  แต่เชื่อไหม ถ้าเราไม่จัดงานรณรงค์แบบนี้  อีกหน่อยก็จะเป็นข้าวซีพี 350 ข้าวไบเยอร์ 6300 เพราะกระบวนการยึดครองทางอาหารเป็นแบบเดียวกันแบบเดียวกับที่เกิดกับข้าวโพด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแต่ซุปเปอร์สวีท หรือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รัฐบาลใจดี พัฒนาเป็นสุวรรณ 12 ตอนนี้ เหลือพันธุ์เบอร์ต่างๆของบริษัท พันธุ์พื้นบ้านพันธุ์รัฐบาลหายไปหมด
ข้าวก็แบบเดียวกัน เดิมมีพันธุ์พื้นบ้าน  แล้วรัฐเอาพันธุ์พัฒนามาแทน ภาคกลางหมดไป 30ปีแล้ว ข้าวพื้นบ้านนาปรังไม่มีมีแต่ กข. แล้วเป็นพันธุ์ชื่อจังหวัดต่างๆ  ถึงตอนนี้พันธุ์พื้นบ้านหมดไป  มีแต่พันธุ์รัฐบาล   แล้วตอนนี้พวกบริษัทกำลังนำส่งเสริมพันธุ์ไบเยอร์ จากประเทศเยอรมันมาแทน  เกษตรก็ต้องซื้อพันธุ์ทุกฤดู ราคา 100 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เวลาขายไม่ถึง 10 บาท เหมือนข้าวโพด
ข้าวอาจเกิดช้าเพราะต้องกินทุกวัน  แต่ภาคกลางก็หมดไปแล้ว  หลายพื้นที่ต้องปลูกพันธุ์ลูกผสมข้าวของซีพีแล้ว  มีทั้งศูนย์ของซีพีที่กำแพงเพชร และไบเยอร์อยู่สุพรรณ ไม่เกิน 5 ปีข้าวหน้าที่จะลบพันธุ์ข้าวรัฐบาลหมดไป ภาคกลางต้องเจอแน่
ภาคอีสาน ชลประทานน้อย  ชาวบ้านปลูกข้าวเหนียวกินเอง บริษัทไม่สนใจ  แต่เขตที่กินข้าวจ้าว ก็นำข้าวมะลิ 105 มาแทน  ที่สุรินทร์ข้าวที่ชาวบ้านกิน จะปลูกข้าวเม็ดใหญ่  เม็ดเล็ก เพราะกินอิ่มท้อง  ข้าวมะลิกินไม่อิ่ม  ทางทุ่งกุลา ก็ปลูกข้าวเหนียวกิน   ปลูกมะลิขาย  ข้าวมะลิ 105 เป็นข้าวพื้นบ้านฉะเชิงเทรา  ให้คุณภาพสูง แต่อาศัยปุ๋ยยามาก  คนอีสานไม่กินข้าวหอมมะลิ  ก็เอามะลิ 105 ไปฉายรังสีให้กลายพันธุ์  เป็นข้าวเหนียว กข 6  ซึ่งเป็นข้าวที่มีน้ำตาลมาก กินแล้วเป็นเบาหวานกันมาก  กินพันธุ์ข้าวเหนียวดั้งเดิมไม่เป็น   คนกิน กข 6 มาก เพราะนิ่ม หอม แต่ก็เป็นเบาหวานมาก พันธุ์ข้าวพวกนี้เป็นของรัฐเอามาให้ปลูกโดยไม่คิดมูลค่า แต่อนาคตก็จะเหมือนภาคกลาง  ในอีสานบริษัทบางบริษัทเริ่ม ขยายพันธุ์ มะลิ 105 ขายพร้อมปุ๋ย ในอนาคตเมื่อพันธุ์ข้าวที่ปลูกภาคกลางเป็นลูกผสมหมดเมื่อไหร่  ภาคอีสานก็จะเป็นรายต่อไป บริษัทดังกล่าวทำงานมีประสิทธิภาพมาก  ผมเดินทางไปหลายประเทศ  ผมไม่นึกว่าจะมีบริษัทต่างๆ เหล่านั้นอยู่  ผมไปเวียดนาม ที่เดียนเบียนฟูเป็นไทยดำผมก็ไปเยี่ยมไทยดำ ที่นั่น อยู่ไกลหลายร้อยกิโลจากฮานอย  ผมเห็นเจริญโภคภัณฑ์ไปตั้งอยู่กลางทาง ส่งเสริมการปลูกข้าวโพดไฮบริดใหญ่มาก  ไปถึงเห็นไทยดำตัดป่า ผมถามเค้าทำอะไร  บอกกำลังปลูกข้าวโพด  พันธุ์ของซีพี  ผมไปขอพันธุ์ข้าวโพดดั้งเดิมเค้าไม่มีเหลือเลยครับ ถามหาพันธุ์ข้าวไทยดำเวียดนาม ถูกรัฐบาลให้กินข้าวเจ้า   ผมได้ข้าวเหนียวมาพันธุ์เดียวไม่มีเหลือแล้ว  เพราะเวียดนามจะปลูกข้าวแข่งกับไทย ก็เลยให้ปลูกข้าวเจ้าหมด  เพราะตอนนี้เวียดนามส่งข้าวออกเป็นอันดับสอง  เวียดนามปลูกข้าวลูกผสมก่อนเราอีก  เอามาจากจีน  คอมมิวนิสต์จะขาดอธิปไตยทางอาหารมากกว่าไทยอีก เพราะถูกรัฐบาลบังคับ  เค้าจะแย่ยิ่งกว่าเราอีก  ปีกลายเราขายได้ตันละหมื่นสาม  เพราะเวียดนามถูกโรคแมลงระบาด  จนต้องปิดประเทศไปครึ่งปี
เราเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมขึ้นอยู่กับข้าว ใน 12 เดือนมีประเพณีที่เกี่ยวกับข้าวกี่เดือน ผมเคยอยู่อีสาน   ผมใช้เป็นหัวข้อในการพูดปาฐกถาเรื่อง ข้าวประดับดิน ทำบุญแล้วเอาข้าวไปวางตามพื้นดิน ให้วิญญาณไม่มีญาติได้กินด้วย เป็นความโอบอ้อมอารีของพี่น้องอีสาน คนไทยดั้งเดิมข้าวคือชีวิต (Rice is Life) มูลนิธิข้าวขวัญ ขวัญข้าวคือวิญญาณข้าว  หรือองค์แม่โพสพ  ข้าวขวัญมีที่เวียดนาม ไทยดำ มีความเชื่อว่า  คนประกอบด้วย  มิ่ง   และ  ขวัญ  มิ่ง เป็นวิญญาณส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย   ขวัญ เป็นวิญญาณอีกส่วนหนึ่งที่ไปได้  เวลาตกใจซึ่งขวัญหาย  ต้องมาสู่ขวัญ คนไทยพัฒนามาเยอะ นับถือพราหมณ์ พุทธ  มานาน  ไทยดำยังบริสุทธิ์  รักษาความเชื่อดั้งเดิม   ขวัญของไทยดำมีแต่พญาแถน ที่จะเรียกขวัญให้  คนธรรมดาเรียกไม่ได้  พิธีติดสินบน ก็คือติดสินบนพญาแถน ของที่พญาแถนชอบที่สุดคือข้าว ข้าวที่ดีที่สุดที่ถวายพญาแถนก็คือข้าวขวัญ พญาแถนพอใจก็จะเรียกขวัญกลับมาให้ พอคนไทยมาอยู่ที่ประเทศไทย  รับประเพณีก็เปลี่ยนชื่อ ข้าวขวัญ ที่เป็นคำไทยแท้ก็เปลี่ยนคำศัพท์ เป็นราชาศัพท์  ที่มาจากภาษาเขมร และบาลีสันสกฤต   บาย – เขมร แปลว่าข้าวสุก  ศรี  แปลว่าความสุข มาจากภาษาสันสกฤต คนไทยคิดว่าบายศรี คือใบตองเป็นชั้นๆ  เพราะ ข้าวที่เป็นของสูง ราชาศัพท์ ก็เอาใบตองไปคลุมข้าว  คนก็เลยคิดว่า ใบตองก็คือ บายศรี หรือ ข้าวขวัญ เป็น บายศรี คนไทยก็เลยไม่ค่อยรู้  เราลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว  แต่ ขวัญ ยังอยู่  สู่ขวัญควาย สู่ขวัญนา  สู่ขวัญบวช   มีขวัญ ก็ต้องมีข้าว  ขวัญคือชีวิต  ข้าวคือชีวิต  คนไทยกับข้าวผูกพันจนแยกไม่อยู่  ในหลวงปลูกข้าวในวังสวนจิตร และประทานข้าวในวัดพืชมงคลทุกปี  เป็นสื่อความแน่นแฟ้นระหว่าง คนไทยกับสถาบัน สมเด็จพระเทพฯ ไปเขาชะโงก  โรงเรียนนายร้อย ท่านไปดำนาและไปเกี่ยวข้าวทุกปี  แสดงให้เห็นว่ายังไงคนไทยก็ขาดข้าวไม่ได้
ปัจจุบัน ข้าวเป็นด่านสุดท้าย ที่บริษัทจะยึดครองไป   พืชทุกอย่าง อยู่ในบริษัทรวมกันไม่ถึง 50,000 ตัน  แต่ข้าวต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในการปลูกไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัน  ถ้ายึดพันธุ์ข้าวได้ จะร่ำรวยกันขนาดไหน ทุกๆ ปี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  นี่คือความน่ากลัวที่บริษัทต่างๆ จะแย่งชิงจากมือชาวนาไปให้ได้  ใครจะปกป้อง  ไม่มีใครหรอก นอกจากชาวนาเอง  ไม่ต้องหวังหรอกครับ  ถ้าหวังได้  ข้าวโพด แตงโม พันธุ์ผัก พื้นบ้านก็คงยังมีอยู่ ชาวนามีประสิทธิภาพจริงที่จะต่อสู่ได้ เพราะยังมีข้าวพื้นบ้านอีกมหาศาล และเพื่อนบ้านรอบข้างก็ยังมีพันธุ์พื้นบ้านเดิม ในประเทศไทยยังไงก็มีไม่ถึง 1000 ตัวอย่าง แต่จากลาวยังไม่มีสถาบันวิจัยข้าว ที่ฟิลิปปินส์ เก็บจากลาวไปกว่า 10,000 ชนิด  ภาคอีสาน ถ้าจะหาพันธุ์ข้าวพื้นบ้าน โดยเฉพาะข้าวเหนี่ยว ก็จำชื่อไว้ ไปหาในลาวไปขอเค้า และบอกเค้าให้รักษา และช่วยกันปลูกรักษาไว้
ถ้าเป็นข้าวเจ้า  ต้องรักกับเขมร   ข้าวไทย 80% มาจากเขมร  เช่น  ข้าวนางมน  (ข้าวหอมภาคกลาง) ในเขมรมีตม  เนียงมน  นางเมา  (เนียงเมา)  ขาวมะละ (โสมาลี) เอาไปขายโรงสี ๆ ชอบใจมาก อยากได้ ในเขมรเองมีตัวอย่างข้าวไม่ต่ำกว่า 20,000 ตัวอย่างเช่นกัน  ของไทย เจ้า เหนียว รวมกันไม่เกิน 6000 ชื่อ ลาว เขรม รวมเกินกว่า 40000 หันไปทางพม่า มีอีกเป็น 10,000 ถึงโดนนาร์กีสไปก็ยังมีอีกมาก  เรายังมีคลังของพันธุ์ข้าวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน  พ่อผา  คนเดียวรวบรวมไว้ 30 กว่าตัวอย่าง ถ้ามีคนแบบนี้ในประเทศ ไม่ต้องกลัวเสียอธิปไตยเลย ผมตอนนี้มี 300 กว่าสายพันธุ์ ผสมพันธุ์ใหม่ที่จะปลูกในนาปรังได้ อีก 100 กว่าสายพันธุ์ ไม่ต้องกลัวต่างชาติเลย  เพราะเราทำเอง ข้าวไฮบริด ซีพี บอกสูงสุดได้ 160 ถัง(จริงๆ ไม่มีทางได้)  เราไปดูนาทาม ข้าวอีเตี้ย  ไร่หนึ่ง ได้ 270 ถัง  ถ้าเปรียบเทียบกับข้าวลูกผสมได้ 160 ถัง แต้ต้องใส่ปุ๋ยยาเพียบ   ส่วนนาทามไม่ใส่ปุ๋ยยา ยังได้ถึง 270 ถัง ชาวนาต้องรู้เท่าทัน  และกำหนดด้วยตัวเอง  ไม่ใช่รอให้ใครมาทำให้  แต่ถ้าชาวนาเหมือนชาวนาภาคกลาง ที่ลืมของเดิมไปหมดแล้ว ก็จะไม่รอดเหมือนกัน เราต้องช่วยกันฟื้นภูมิปัญญาดั้งเดิม  บริษัทต่างๆไม่ได้เก่งจริง  เพียงแค่ทำให้เราเชื่อว่าเราโง่กว่าเขา  แต่ถ้าเราไม่เชื่อ เราพัฒนาตัวเองเก่งกว่าเขา  เราชนะ  เราทำนาแค่ 20 ปี ไม่จริงไม่จัง  ผมทำได้ดีกว่ากรมการข้าวที่ทำมา 100 ปี  ตั้งแต่ตั้งมีกรมมาปลูกข้าวผลผลิตที่ได้ไม่เกิน 130 ถัง  เพราะเลียนแบบฝรั่ง  ผมสอนชาวบ้านปลูก ได้ 160 ถัง ไม่ใช้ปุ๋ยยา ปุ๋ยหมักก็ไม่ทำด้วย ต้นทุนก็ต่ำกว่า
ชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรีส่วนใหญ่มีหนี้สินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ทั้งที่ทำนาแบบปีละ 3 ครั้งยังจนขนาดนี้ แต่ลูกศิษย์ผม คุณชัยพร พรหมพันธ์  แกทำนาแบบที่ผมสอน  แกเก็บเงินซื้อนา จาก 40 ไร่ ตอนนี้มี 105 ไร่ แกทำนาได้ 2 หน ทำสองคนผัวเมีย  ปีกลายทำ 102  ไร่   ได้กำไรประมาณ  2 ล้านกว่านิดๆ   พร้อมกันนี้ยังมีเวลาไปเป็นวิทยากรและดูแลรถสิบล้อซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว   มีลูก 3 คน  2 คน จบปริญญาโท  คนเล็กจบปริญญาตรี  ชาวนาแบบนี้จะไม่รอดได้ไง  ปีกลายเกษตรตำบลส่งเสริมให้เอาพันธุ์ไฮบริดของซีพีไปปลูก คุณชัยพรเลยปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ข้าวที่ตนเองทำ   ปรากฏว่าผลผลิตสู้ข้าวของตนเองไม่ได้  ต้นทุนแพงกว่า ขายได้ถูกกว่า สิ่งที่สำคัญของชาวนาคือ อย่าเชื่อคนง่าย อย่าเชื่อโฆษณาล้างสมอง   ที่ทำให้คนต้องใช้ปุ๋ยยา ทุกวัน  คนที่ไม่สามารถเลิกได้เพราะทำใจไม่ได้  ไม่ใช้แล้วกลุ้ม  รัฐบาลอยากช่วยชาวนาแต่ช่วยผิดวิธี  เกษตรกรทั่วประเทศมีหนี้ร่วมกัน 1 ล้าน 2 แสนล้านบาท  ชาวนาไปล้อมทีก็จ่ายเงินมา  แต่สิ่งที่เราเรียกร้องรัฐบาลไม่ต้องเสียเงินเลย  เพียงให้เกษตรกร  ลด เลิกใช้ปุ๋ยยา ทำให้เหมือนบุหรี่ เหล้า  แต่รัฐบาลไม่ทำ   เช่น
  1. ห้ามโฆษณาปุ๋ย ยา  และสารเคมีทุกชนิด  (รัฐบาลบอกไม่ได้)
  2. ขึ้นภาษีปุ๋ยยา   (ปุ๋ย ยา รัฐไม่เก็บภาษี  เลิกเก็บเมื่อปี พ.ศ. 2534) เป็น รสช. สุจินดา มีรัฐบาลอนันต์ 1  รัฐมนตรีช่วยเกษตรมาจากบริษัท  เสนอให้รัฐเลิกเก็บภาษี ปัจจุบันก็ไม่เก็บ  เงินที่ควรเสียภาษี เอามาโฆษณาล้างสมองชาวบ้าน  จัดโปรโมทให้ร้านที่ขายดีไปเที่ยว  เงินภาษีที่ควรนำมาพัฒนาประชาชน  กลายเป็นเอามาโฆษณาล้างสมองประชาชน
  3. เหล้าบุหรี่ (เอาเงินภาษีมาตั้งกองทุน  เช่น “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง”)  ให้ตั้งเป็นกองทุนเกษตรอินทรีย์มาส่งเสริม  เราเสนอตั้งแต่ทักษิณ 1 รัฐบาลสุรยุทธ์ ก็เข้าลิ้นชักอีก รัฐบาลนี้เราส่งไปอีก แต่ก็มีรัฐมนตรีจากบริษัทนั้นอยู่ในรัฐบาลด้วย  บริษัทล้างสมองฟังทุกวันก็เลิกไม่ได้หรอก
เราจะยอมให้บริษัทต่างๆล้างสมองลูกหลานเรา เพื่อนบ้านเรา ให้เป็นหนี้เป็นสิน สารเคมีพวกนี้มาใช้ในเมืองไทย มาฆ่าลูกหลานเราทุกปี  อัตราเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี  นำเข้าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ อัตราเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นเป็นเท่า  เข้าไปถึงมดลูกของแม่   ที่ที่ปลอดภัยที่สุด  มีอะไรแปลกปลอมไปปุ๊บ ลูกพิการเลย  พิการมากขึ้นทุกปีๆ
กระทรวงสาธารณสุขพูดให้ตาย กระทรวงเกษตรก็ไม่ฟัง  เรามีกำลังรวมกัน หมั่นเรียกร้องบ่อยๆ  หูเค้าจะค่อยๆ หายตึง ตาดีขึ้นมาบ้าง  แต่เราอยากไปหลงกับเค้า เอาตัวให้รอดก่อน  คนว่ายน้ำเหมือนเรือจะจม คนจะรอได้คือ คนที่ว่ายน้ำเป็นเท่านั้น  จะช่วยคนอื่น ต้องว่ายให้รอด ว่ายให้แข็ง ถึงจะช่วยคนอื่นได้  เศรษฐกิจตอนนี้ วิกฤตไม่ต่ำกว่า 3 ปีลูกหลานเราในโรงงานต้องรับภาระให้กับเรา เราต้องทำเกษตรแบบใหม่ที่มีกำไรเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงชาติ เราสู้เข้าได้เรื่องเกษตรนี่แหละ
อธิปไตยทางอาหาร คืออธิปไตยอาหาร  เราสู้เรื่องอื่นไม่ได้  เรื่องเกษตรเรื่องเดียวที่สู้ได้
“สิ้นนาสิ้นชาติ” ชาวนากำอนาคตของชาติ  อย่าให้เสียนา อย่าให้ชาวนาล้ม ซาอุกำเงินมาซื้อ อย่าให้เสียนาเด็ดขาด  ถ้าพ้นตรงนี้ไปได้  จะพัฒนาไปถึงไหนไม่รู้  ภาคอีสานเข้มแข็งที่สุด  ชาวนาเป็นหนี้น้อยที่สุด  มีพันธุ์ข้าวเหลือมากที่สุด มีประเพณีวัฒนธรรมเหลือมากที่สุด ผมเชื่อว่าภาคอีสานทำได้  งานวันนี้ทุกคนทำกันมานาน  หลายปี  เราต้องทำต่อให้เข้มแข้งมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น