ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บ้านร่มเกล้าสมรภูมิเลือดชโลมแผ่นดิน ตอนที่ ๓

                                  ๕ พ.ย. ๒๕๓๐กำลังทหารของ สปป.ลาวก็ระดมเสริมกำลังพลและอาวุธทั้งยุทโธปกรณ์อาวุธจรวด ปืนใหญ่ เข้าพื้นที่เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยกองพลทหารราบที่๑มีพลจัตวาบุญทอน จิตวีระพลเป็นผบ.พล กรมทหารราบที่ ๑ จำนวน ๑๒ กองพันมีพันโทคำมั่น กะนะเมือง เป็น ผบ.กรมพันโทบุญเลียงเป็นรองผบ.กรม พันโทสมบูรณ์ เป็นเสนาธิการกรม พันตรีคำพัน พันโทกองสีเป็นผบ.กรมทหารราบท้องถิ่นอีกกรมหนึ่ง และมีกำลังพลเพิ่มเติมจาก พล.ร.๖ พล.ร.๓ กรมรบพิเศษประกอบด้วยกองพันจากไชยบุรี๒กองพัน กองร้อยรบพิเศษท้องถิ่นเมืองเพียง  กองร้อยรบพิเศษของนครเวียงจันทร์  พร้อมอาวุธหนักกองพันปืนใหญ่สนามที่๖๐๕ ปกร. ๑๓๐ มม. ๓กระบอกปืน ๑๐๕ มม. ๓กระบอก   พัน.ปตอ.๒ กองพัน รถถัง๑๑ คันจากกองพันรถถังที่๑ และกองพันรถถังที่๒ รวมกำลังพล เกือบ๔๐๐๐นาย กองพลที่ ๖ ซึ่งตั้งอยู่ที่หลวงพระบาง ๔ กองพัน เช่นกัน มีกำลังพลกว่า ๔๐๐ คน สนับสนุนด้วยปืนใหญ่ ๑๓๐ มม. ๓ กระบอก ปืนใหญ่ ๑๐๕ มม. ๓ กระบอก รถถัง ๕ คัน ปืน ค. ขนาด ๖๒ และ ๘๒ มม. รวมทั้ง ปตอ. ด้วย นอกจากนี้กองกำลังหลักซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ไชยบุรี มีปืนใหญ่ ๑๓๐ มม. ๒ กระบอก ปืนใหญ่ขนาด ๑๒๒ มม. อีก ๓ กระบอกรวมทั้งหน่วยจรวดต่อสู้อากาศยานแบบแซม ๗ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ หน่วยงานด้านการข่าวรายงานมาว่ากองทัพลาวได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคด้านเคมี ด้านปืนใหญ่สนาม  เรดาห์ค้นหาเป้าหมายเครื่องมือตรวจการณ์หน้า เครื่องมือด้านการสื่อสารจากเวียดนาม กัมพูชา และประเทศคอมมิวนิสต์พันธมิตรด้านการทหารของลาวอีกสองสามประเทศที่ให้ความช่วยเหลือด้านเจ้าหน้าที่เทคนิค  ส่วนชาวม้งบ้านร่มเกล้าจำเป็นต้องทิ้งบ้านอพยพหนีภัยการสู้รบไปยัง บ้านน้ำภาคน้อยอาศัยไร่ร้างปลูกเพิงพักอย่างง่ายๆเพื่ออาศัยหลบแดดฝน                                                                                                                                          
ลาวระดมสรรพกำลังเข้าตั้งรับตามที่มั่นต่างๆอย่างเต็มที่ ส่วนทหารไทยก็เข้าที่รวมพลต่างๆเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งยุทธการสอยดาว๐๑  มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ปืนใหญ่ฝ่ายลาวระดมยิงที่ตั้งต่างๆของไทยมีคนเจ็บจากกระสุนปืนใหญ่อยู่ทุกวัน
วันที่๖ ตุลาคมทหารลาวก็ดำเนินกลยุทธเข้าตีที่ตั้งทหารพรานมีการปะทะกันอย่างดุเดือด ตลอด๖ ชั่วโมง โดยเข้าตีอยู่ ๓ ระลอกทหารพรานสามารถต้านทานเอาไว้ได้ 
เมื่อต้องพบกับการโจมตีด้วยปืนใหญ่คงทราบดีว่าอีกไม่นานกำลังทหารพรานของไทยคงรุกเข้าตี ผู้ตรวจการณ์หน้าปืนใหญ่ของฝ่ายลาวที่คาดการณ์ว่าเป็นทหารฝ่ายที่สามพันธมิตรของลาวที่เฝ้าระวังป้องกันจึงขอปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องยิงตอบโต้ เป้าหมายต่างๆของฝ่ายเรากำลังตั้งรับของลาวมีการใช้หน่วยค้นหาเป้าหมายปืนใหญ่ของฝ่ายเราอย่างได้ผลปืนใหญ่ของฝ่ายเราต้องเคลื่อนย้ายที่ตั้งยิงบ่อยครั้งจากการยิงต่อต้านของฝ่ายลาว  มีการสูญเสียจากกระสุนปืนใหญ่และกับระเบิดที่ฝ่ายลาววางดักตามเส้นทางที่ฝ่ายเราจำเป็นต้องเคลื่อนพลเพื่อเข้าตียังที่หมายของลาว  ยิ่งมุ่งเข้าตีทหารลาวยิ่งทวีการยิงปืนใหญ่จากบ้านบ่อแตน บ้านสร้าน และภูเมี่ยง ต้านทานกำลังฝ่ายเราอย่างหนักฝ่ายเราบาดเจ็บและสูญเสียจากกระสุนปืนใหญ่กันทุกวันแทบไม่มีการบาดเจ็บจากกระสุนปืนอาก้าเลย   
 นักบินปีกหมุนจากกองบินทหารบก  ลพบุรี  ต้องใช้ ฮ.รับคนเจ็บจากยอดเนินต่างๆลงมาแนวหลังไม่เว้นแต่ละวันใช้ ฮ.ถึง ๕ เครื่อง เครื่องละหลายเที่ยว  แม้ภาพรวมของการเข้าตียังไม่ประสพผลสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นฝ่ายลาวก็ต้องสูญเสียอย่างหนักจากการยิงด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายไทยด้วยเหมือนกัน แต่ทหารลาวก็ยังไม่มีท่าทียอมถอนกำลังออกจากที่มั่นต่างๆการปะทะกันของหน่วยลาดตระเวนและยิงปืนใหญ่ตอบโต้กันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ท่ามกลางการเผชิญหน้ากัน     ทั้งสองฝ่ายปรับกำลังเพื่อเตรียมการเข้าปะทะครั้งใหญ่กันอีกครั้ง กระทรวงต่างประเทศของลาวจึงขอเจรจากับทางฝ่ายไทยเพื่อยุติปัญหากันอีกครั้งในวันที่๒๗เดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๐ ระหว่างที่เตรียมการเจรจา ทหารลาวได้เสริมกำลัง เพิ่มเติมอาวุธ ปรับปรุงที่มั่นต่างๆ ทางการข่าวแจ้งว่าลาวได้เสริมกำลังเข้าตามที่มั่นตั้งรับสันเนินต่างๆมีการสร้างบังเกอร์คอนกรีตเสริมเหล็กมีหลังคาทำด้วยท่อนซุงขนาดใหญ่เพื่อป้องกันกระสุนปืนใหญ่และระเบิดจากเครื่องบิน  ของฝ่ายไทยโดยเฉพาะที่มั่น เนิน ๑๔๒๘ รวมถึงมีการลักรอบเข้ามาวางกับระเบิดลึกเข้ามาเขตไทยแต่ไม่มีการปะทะ เพื่อรอผลการเจรจา หลังจากผลเจรจาของทั้งสองฝ่ายล้มเหลวการปฏิบัติการทางทหารต่างๆก็เริ่มต้นอีกครั้ง แม้จะยังไม่ประสพความสำเร็จแต่ก็สร้างความสูญเสียให้ฝ่ายลาวมาก  จึงทำให้เกิดการเจรจากันอีกครั้งในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ เป็นครั้งที่ ๓ซึ่งผลก็คือล้มเหลวเป็นครั้งที่๓ เช่นกัน
 เมื่อการเจรจาวันที่ ๑๑ ล้มเหลว หน่วยเหนือจึงสั่งให้ดำเนินการเข้าตีรุกโต้กลับโดยวางแผนให้ทหารพรานเป็นส่วนเข้าตีสนับสนุนเข้าตีที่หมายตรงหน้าส่วนทหารม้าเป็นส่วนเข้าตีหลักเข้าตีผ่านที่หมายผลักดันทหารลาวออกจากที่หมายเนินต่างๆที่ลาวยึดเอาไว้  ก่อนกองพันทหารม้าและทหารพราน จะผ่านแนวออกตี     ตามแผนเข้าตี  จะใช้ปืนใหญ่สนามขนาด ๑๐๕ ม.ม. และ ๑๕๕ ม.ม. ทำการยิงเตรียมไปยังเป้าหมายต่างๆของข้าศึกคือเนิน๑๑๘๒, เนิน๑๓๗๐, และ เนิน๑๔๒๘       รวมทั้งใช้การปฏิบัติการทางอากาศด้วยเครื่องบินโจมตี เอฟ๕อี และเครื่องโอวี-๑๐   ทิ้งระเบิดเป้าหมายต่างๆที่เป็นอันตรายต่กำลังเข้าตี ฝ่ายลาวที่ประจำอยู่บนที่มั่นต่างๆ
๑๔ ธ.ค.๒๕๓๐ในการรบช่วงแรกๆชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่๓๓๐๔ และ ๗๗๐๗ได้ทำการเข้าตี ที่หมาย ๑๐ และที่หมาย ๑๑ และเนิน ๑๔๒๘(ที่หมาย๖)โดยทหารพรานออกเคลื่อนพลแทรกซึมมุ่งเข้าสู่ที่หมายสามารถเข้าใกล้ ที่ตั้งของลาวไม่เกินระยะอันตรายใกล้ฝ่ายเราของปืนใหญ่คือ ๕๐๐เมตรแต่ความรกทึบสูงชัน  ดงสนามทุ่นระเบิด เมื่อข้าศึกเห็นความเคลื่อนไหวครั้งใดแม้เป็นทหารแค่หนึ่งคนจะใช้ปืนใหญ่และปืน ค.ระดมยิงเข้ามาทันทีสามารถยับยั้งฝ่ายไทยไว้ได้ ทหารพรานไม่สามารถรุกคืบหน้าถูกสกัดกั้นจนบาดเจ้บล้มตายจำนวนหนึ่งแม้หยุดและถอยปรับรูปขบวนรบหลายรอบก็ยังไม่สามารถเข้าถึงที่หมายได้ดังนั้นกองร้อยทหารพรานจึงได้แต่ตรึงกำลังเกาะติดข้าศึกเอาไว้
ส่วนทหารม้าจาก ม.พัน.๑๒ ม.พัน ๑๕ นั้นเข้ายึดเนินสเปอร์ที่ตรวจการณ์ของลาวหน้าที่หมาย ๖ เพื่อทำการยุทธบรรจบกับทหารพรานดังนั้นจึงจำเป็นต้องกวาดล้างที่ตั้งทหารลาวในเนินต่างๆด้านหน้าที่หมาย๖เสียก่อน ในที่รวมพลของกองพัน ผบ.พันทหารม้าจึง สั่งการให้ ผบ.ร้อยเข้าตี ที่หมาย ๒,๓,๔ ซึ่งเป็นเนินเขาที่ลาวยึดเอาไว้ เมื่อยึดที่หมายได้แล้วจึงจะไปบรรจบกับกำลังของทหารพรานที่เนิน ๑๔๒๘  โดยให้กองร้อยเคลื่อนที่ผ่านแนวออกตีในเวลา ๑๙๐๐น.เพื่อดำเนินกลยุทธเข้าตีต่อที่หมายในเวลาเช้ามืดของวันที่๑๔ ธันวาคมการเข้าโจมตีครั้งนี้มีทั้งปืนใหญ่และเครื่องบินขับไล่โจมตีเอฟ-๕อี และโอวี-๑๐ สนับสนุนสำหรับเส้นทางเคลื่อนที่ต้องใช้นั้นเป็นมีความยากลำบากด้วยเป็นป่าทึบ และเขาสูงชัน เป็นเส้นทางบังคับที่เต็มไปด้วยกับระเบิด  ดังนั้นกองพันเข้าตีจึงเลือกใช้รูปขบวนแถวตอนในการเคลื่อนที่รุกคืบไปสู่ที่หมายจากการประมาณสถานการณ์ของฝ่ายยุทธการคาดว่าการเข้าตีที่หมายจะมีความยากลำบากในการเคลื่อนที่ดำเนินกลยุทธ ด้วยเป็นการไต่เนินเข้าตีข้าศึก  ดังนั้นเพื่อลดการแบกขนเสบียงและกระสุนปืนต่างๆมีความเหนื่อยล้ายากลำบากครั้งนี้จะใช้เวลาไม่เกิน ๕ วัน จึงจ่ายเสบียงให้เพียง ๕ วัน เพื่อลดน้ำหนักของเป้หลังของทหารในการเคลื่อนที่ขึ้นที่สูงเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ ผู้พันจึงให้กำลังพลโหลดกระสุนปืนขนาด ๕.๕๖ ม.ม.ของอาวุธประจำกายเอ็ม ๑๖ คนละ ๓๘๐ นัด กระสุนปืนกลเอ็ม.๖๐ขนาด ๗.๖๒ ม.ม.จ่ายให้ ๑๑๐๐ นัด ลูกระเบิดยิง ค. ๖๐ ม.ม.จ่ายให้ ๑๒๐ ลูกต่อกระบอก หากเกินจากนั้นอาหารและกระสุนปืนต่างๆจะส่งกำลังให้ในภายหลัง หลังกินอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยกำลังรบทั้งหมดคอยความมืดเข้ามาปกคลุมเพื่อใช้ความมืดอำพรางตัวในการเคลื่อนที่เข้าหาที่หมายที่อยู่บนที่สูงและมีการตรวจการณ์ซึ่งหากตรวจพบทหารไทยเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ระวังป้องกันของตนกำลังทหารไทยต้องเสี่ยงกับการถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดที่ฝ่ายลาวกรุยพิกัดเป้าหมายป้องกันเอาไว้ เมื่อดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไม่นาน     ท่ามกลางกระแสลมหนาวที่พัดพาความหนาวเหน็บของเดือนธันวาคม แถวตอนเรียงหนึ่งของกองร้อยเข้าตีสนับสนุนก็เคลื่อนขบวนนำเพื่อเข้าตีตรงหน้าต่อที่หมายตามที่วางแผนเอาไว้  การเดินขึ้นเขาท่ามกลางความหนาวเหน็บและระวังทั้งกับระเบิด และการตรวจพบของข้าศึก จึงเป็นไปอย่างช้าๆ ด้วยความเงียบและระมัดระวัง เมื่อวางตัวที่แนวประสานการปฏิบัติขั้นสุดท้ายที่เป็นที่ราบสันเขามีความกว้างเพียงแค่ไม่ถึง ร้อยเมตรซึ่งกำลังเพียงแค่หมวดทหารราบก็แออัดมากแล้วดังนั้นกองร้อยจึงต้องวางตัวในแนวลึกลักษณะเป็นหมวดแถวตอน การยิงเตรียมด้วยปืนใหญ่วิถีโค้ง ๑๐๕ มม.และ ๑๕๕ ม.ม.ที่คำรามขึ้นอย่างถี่ยิบ ข้ามแนววางตัวของหน่วยในแนวหน้า เมื่อการโจมตีเป้าหมายตามแผนด้วยปืนใหญ่ที่กำหนดเอาไว้เสร็จสิ้นลงแล้ว และปืนใหญ่เลื่อนฉากการยิงออกไปแล้ว กองร้อยทหารม้าก็ดำเนินกลยุทธเข้าตีที่หมาย ๒,๓,๔ทันที ใน ขณะเดียวกัน เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๑๐๐ ม.ม.ลำ ๑๒๐ ม.ม.ของลาวก็ระดมยิงตัดรอนขัดขวางการเข้าตีของเราอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
 ทหารลาวบนที่มั่นคุ้นเคยกับภูมิประเทศบริเวณที่ตั้งรับและพื้นที่ระวังป้องกันหน่วยของเขาอย่างดี จึงวางฉากการยิงป้องกันที่มั่นขั้นสุดท้ายเอาไว้บริเวณช่องทางบังคับเพียงช่องทางเดียวที่จะไต่ขึ้นเขาเข้าสู่ที่มั่นของลาวซึ่งฉากการยิงก็คือเนินลูกที่เราวางตัวอยู่นั่นเองการดำเนินกลยุทธของฝ่ายเราต่างจากแผนการโดยสิ้นเชิงด้วยเป็นพื้นที่แคบๆไม่กี่สิบเมตรการยิงด้านตรงหน้าของกองร้อยเข้าตีถูกจำกัด ด้วยต้องเคลื่อนที่เป็นหมวดแถวตอนดังนั้นอำนาจการยิงในการเข้าตะลุมบอนจึงเหลือเพียงแค่ระดับหมู่ในแนวหน้าเท่านั้นส่วนที่เหลือต้องคอยหมอบหลบปืนค.ของฝ่ายลาว การยิงเครื่องยิงลูกระเบิด ๖๐ ม.ม.จากตอน ค.กระทำได้ไม่ได้ผลนักนักด้วยขาดการตรวจการณ์และเป็นการยิงขึ้นเนินหากไม่เลยที่หมายก็ตกหน้าเป้าหมายเป็นเหตุให้ลาวใช้ ปรส.และจรวด อาร์พีจี ยิงตอบโต้การรบต่อเนื่องหลายวันฝ่ายเราจึงยึดที่หมายได้หน่วยเหนือสั่งการลงมาให้ กองพันทหารม้ายึดแนวสันเนิน เอาไว้ และสถาปนาเป็นที่มั่นตั้งรับเผชิญหน้ากับทหารลาวบนเนิน ๑๔๒๘ เอาไว้ เมื่อไม่สามารถเข้ายึดเนิน ๑๔๒๘ได้โดยง่ายฝ่ายเราจึงเสริมกำลังจากกองพันทหารม้าที่๒๖ พร้อมปืนใหญ่ช่วยโดยตรงเข้าสู่สนามรบทันที เพื่อเข้ารบแตกหักแต่ก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากการเคลื่อนพลรุกคืบหน้าขึ้นภูสูงเป้าหมายตรงหน้าก็ถูกยิงด้วยปืนใหญ่สกัดทันที
เพื่อความปลอดภัยจากอาวุธปืนค.ของลาวทหารม้าทั้งหมดจึงเร่งสร้างคูสนามเพลาะ ขุดหลุมบุคคลให้เร็วที่สุด เมื่อมีกำลังกองพันของไทยตั้งแนวเผชิญหน้าฝ่ายลาวจึงระดมยิง ปืน ค.รบกวน ขัดขวาง กดดันให้เราถอนตัวอยู่ตลอดเวลาถึงแม้มีกำลังพลสูญเสีย แต่ฝ่ายเราก็ไม่ละทิ้งฐานที่มั่นลงมา ในแต่ละวันกองร้อยต้องจัดชุดลาดตระเวนรบเพื่อเข้าตีโฉบฉวยซึ่งอาจมีคำสั่งรบแตกหักในอีกไม่นานวันข้างหน้า ซึ่งก็มีการยิงปะทะกันทั้งปืนเล็กปืนกลเครื่องยิงลูกระเบิดทำให้ฝ่ายเราสูญเสียอยู่ทุกวัน เมื่อกดดันให้เราถอนตัวจากสันเนินไม่สำเร็จ กองทัพลาวจึงส่งกำลังพลเสริมที่มั่นตั้งรับเต็มอัตราศึกมีการเคลื่อนไหวบนเนิน๑๔๒๘ สังเกตได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญการข่าวแจ้งว่ามีการลำเลียงปืนใหญ่เข้าพื้นที่การรบหลายกระบอก ซึ่งผลปรากฏชัดเจนเมื่อเช้าวันปีใหม่เมื่อฝ่ายเราออกลาดตระเวนบริเวณหน้าเนินถูกปืนใหญ่ของลาวระดมยิงอย่างหนัก คราวนี้สร้างความหนักใจให้เราอย่างมากเพราะฝ่ายข้าศึกเพิ่มเติมปืนใหญ่สนับสนุนเป็นการเพิ่มความยากในการเข้าตีของฝ่ายเรามากขึ้น นอกจากนั้น เมื่อปืนใหญ่ของฝ่ายเรายิงสนับสนุนยังที่หมายของลาวยังถูกตอบโต้อย่างรวดเร็วแม่นยำ จนทำให้ปืนใหญ่ฝ่ายเราต้องย้ายที่ตั้งยิงถอยออกมาจากระยะยิงของ ปกค.๑๒๒ ม.ม.ของฝ่ายลาวแสดงให้เห็นว่าลาวนั้นมีการใช้หน่วยค้นหาเป้าหมาย ที่มีเครื่องมืออันทันสมัย แม้ฝ่ายเราใช้หน่วยค้นหาเป้าหมายตรวจพบที่ตั้ง ป.ของลาวแต่ด้วยระยะยิง ปกค.๑๕๕ ม.ม.เอ็ม ๑๙๘ ที่ยิงได้ไม่ไกลนัก ทำให้เราต้องหาที่ตั้งยิงให้ข้าศึกอยู่ในระยะยิงซึ่งก็เสี่ยงที่จะถูกยิงต่อต้านเช่นกัน เมื่อลาวนำปืนใหญ่มาสนับสนุนการรบดังนั้นที่ตั้งของฝ่ายเราจึงถูกยิงทำลายอย่างหนักจนสูญเสียทหารกับกระสุนปืนใหญ่ของลาวไปหลายนายทุกครั้งที่ ผตน.ของลาวตรวจพบความเคลื่อนไหวบนที่มั่นของเราเขาจะระดมยิงด้วยปืนใหญ่แบบไม่เกรงกระสุนจะสิ้นเปลือง ฝ่ายลาวนั้นมีการแทรกซึมเข้ามาแนวหลังของไทยโดยซุ่มโจมตีทหารช่างและทหารพรานทำให้ฝ่ายเราสูญเสียกำลังพลไปจำนวนหนึ่ง
 การยุทธหากยืดเยื้อเช่นนี้ต่อไปนานวันทหารราบฝ่ายเราที่เสียเปรียบชัยภูมิอยู่ในที่ต่ำกว่าข้าศึกความสูญเสียจากกระสุนปืนใหญ่จะมีมากขึ้นๆ การใช้อาวุธหนักยิงตอบโต้กันมีอยู่ทุกวัน การรบไม่สามารถยุติลงอย่างง่ายยังคงยืดเยื้อไม่รู้จะจบอย่างไรจากการที่ฝ่ายเราเป็นฝ่ายเข้าตีแต่ยังไม่สามารถประสพความสำเร็จยึดที่หมายหลักคือเนิน๑๔๒๘ได้       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น