ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บ้านร่มเกล้าสมรภูมิเลือดชโลมแผ่นดิน ตอนที่ ๔

ช่วงปลายเดือนมกราคม ๒๕๓๑ผู้ว่าจังหวัดเลยสั่งปิดพรมแดนด้านอำเภอปากชม เชียงคาน ภูเรือ ด่านซ้าย และนาแห้ว เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายลาวลักลอบเข้ามาซื้อสินค้ายุทธปัจจัยเนื่องจากทางทหารรายงานว่ายุทธปัจจัยหลายอย่างที่ทางทหารลาวใช้สู้รบสั่งซื้อมาจากฝั่งไทยด้านจังหวัดเลย รัฐบาลและผบ.ทบ.อนุมัติให้กำลังรบสามารถรุกออกนอกประเทศได้ มีการเสริม ปกร.๑๓๐ ม.ม.และ ปกค.๑๕๕ ม.ม.แบบ จีซี ๔๕ ที่ยิงได้ไกลเกือบ ๔๐ ก.ม.เข้าสนับสนุนการรบทำให้สามารถตอบโต้ปืนใหญ่ของฝ่ายลาวได้ผลดี
ใกล้เที่ยงคืน ๖ ม.ค.๒๕๓๑ ในที่มั่นของทหารม้าทั้ง ๒ กองพันกระสุนปืนใหญ่ของลาวตกลงกลางฐานอย่างแม่นยำปลุกทุกคนให้เข้าประจำแนวอาจมีความสูญเสีย การประจำแนวยังไม่เสร็จสิ้นกระสุนปืนดั่งห่าฝนก็ระเบิดขึ้นกลางฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่า การสูญเสียจากปืนใหญ่คงแล้วแต่ชะตากรรม แต่เหตุการณ์เช่นนี้บ่งบอกถึงการยิงเตรียมเพื่อการเข้าตี ดังนั้น ผบ.ร้อยจึงสั่งให้ทุกหมวดที่ประจำแนวอยู่เตรียมพร้อมสูงสุดที่จะเผชิญกับการเข้าตีของข้าศึก ที่มีกำลังประมาณ๗๐๐ นาย ส่วนความเสียหายและสูญเสียคงปล่อยทิ้งเอาไว้ ผตน.ยังมีชีวิตอยู่สิ้นเสียงปืนใหญ่ข้าศึกไม่นานยามฟังการณ์ก็รายงานถึงการบุกของข้าศึกที่เข้ามาทางช่องทางสันเนินส่วนฝ่ายเราที่ตั้งอยู่หลังเนิน ผตน.เห็นการเคลื่อนไหวด้วยใจระทึกเมื่อผบ.ร้อยให้สัญญาณการยิงป้องกันที่มั่นกระสุนปืนนานาชนิดและปืนใหญ่ก็ระดมยิงทันทีการฝ่ายข้าศึกนั้นยิงทั้งปืนกลและเครื่องยิงลูกระเบิดใส่ที่มั่นของฝ่ายเราชนิดไม่ลืมหูลืมตามองเห็นว่าข้าศึกแตกกระเจิงล้มตายไปมาก เหมือนจะหยุดข้าศึกเอาไว้ได้ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ข้าศึกระดมยิง ค.ใส่ที่มั่นของฝ่ายเราอย่างหนักการปะทะนานจนถึงรุ่งสาง ข้าศึกก็นำกำลังเข้าตีครั้งใหม่สามารถรุกเข้ามาถึงขอบหน้าที่มั่น ฝ่ายเราสูญเสียอย่างหนัก ต้องทิ้งที่มั่นมาอยู่ด้านหลัง ข้าศึกเข้ามาจนเต็มที่มั่นถึงติดดาบแทงกันแล้ว ผบ.ร้อยได้รับบาดเจ็บหนัก ยามนั้นคงสั่งการให้ใครทำอะไรไม่ได้แล้วในภาวะที่เผชิญหน้าอยู่ ทุกคนต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวที่ฝึกรบกันมาเช่นเดียวกับฝ่ายข้าศึกที่ข้ามศพเพื่อนนับร้อยถาโถมเข้ามา แบบไม่กลัวความตายที่รออยู่ตรงหน้า นาทีสุดท้ายก่อนที่ข้าศึกจะเข้ามาถึงทก.ร้อย ผู้กองดึงวิทยุข่าย อำนวยการยิงจากผตน.ขอยิงข่มฉับพลันกองร้อยสิบนัดเป้าหมายที่มั่นกองร้อยปืนเล็กพร้องสั่งการให้ถอนตัวจากที่มั่น ระหว่างที่ส่วนเข้าตีหลักของข้าศึกเข้าถึงที่มั่นฝ่ายเราความเหี้ยมโหดผมขอใช้คำนี้ส่วนบัญชาการเข้าตีของข้าศึกก็ขอปืนใหญ่ยิงเหนือฐานฝ่ายเราด้วยเพื่อทำลายฝ่ายเราให้สิ้นซากโดยไม่คำนึงถึงกำลังพลฝ่ายตนว่าอยู่รวมกันกับฝ่ายไทยไม่ถึงสามนาทีกระสุนปืนใหญ่ทั้งลาวทั้งไทยก็ถล่มบนที่หมายฐานทหารไทย กำลังพลส่วนที่ติดพันกับข้าศึกถอนตัวไม่ทัน ก็ต้องสังเวยชีวิตเคียงข้างข้าศึกทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ ส่วนอีก สองกองร้อยก็รบกันหนักเช่นกัน ในที่รวมพลกองร้อยนี้เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งหมวดโดยไร้เงาของผู้กองท่านเป็นวีรชนของเหล่านักรบทหารม้าไปแล้ว
สำหรับการปฏิบัติการทางอากาศด้วยที่หมาย๖เป็นที่สูงมีเนินเขาภูสอยดาวที่ ทหารม้าเข้าตีและยึดเอาไว้ได้อยู่ไม่ไกล มีเหตุจากการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินขับไล่พลาดเป้าหมวดในแนวหน้าจนฝ่ายเราสูญเสียละลายทั้งกองร้อยส่วนหมวดของอีกกองร้อยหนึ่งก็ถูกข้าศึกยับยั้งได้จนฝ่ายเราจึงต้องถอยกลับมาปรับกำลังใหม่ลำเลียงผู้บาดเจ็บล้มตายกลับสู่แนวหลัง เมื่อต้องถอนตัวจากแนวรบแม้
ฝ่ายเราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยังแก้ไม่ตก หากเราไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านสันเนินเข้าสู่ที่หมาย ๖ได้การรุกเข้าที่หมายด้านอื่นเป็นไปไม่ได้แน่นอนเท่ากับเราไม่สามารถผลักดันทหารลาวออกจากเขตแดนไทยได้
การรบที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนนั้นฝ่ายเราได้สูญเสียจากอาวุธประจำกายและอาวุธประจำหน่วยทหารราบของลาวน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการสูญเสียจากกระสุนปืนใหญ่ของลาวส่วนกำลังตั้งรับของลาวมีกระสุนปืนยิงต่อสู้กับฝ่ายเราได้อย่างไม่กลัวหมด สามารถวิเคราะห์จุดศูนย์ดุลของการรบครั้งนี้ของลาวได้ ว่าอยู่ที่ปืนใหญ่ และการส่งกำลังบำรุง เพื่อให้การรบดำเนินการไปได้หน่วยเหนือจึงลดความสำคัญของที่หมาย ๖ เนิน๑๔๒๘ แต่ให้ความสำคัญต่อการส่งกำลังของข้าศึกมายังเนิน ๑๔๒๘ ดังนั้นจึงได้ปรับเปลี่ยนแผนการเข้าตี เรียกรหัสว่าสอยดาว๐๒ ใช้กำลังลังจรยุทธของทหารพรานจู่โจมที่๙๕๖,๙๔๐และ๙๕๔ แทรกซึมเข้าไปตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงและวินาศกรรมที่ตั้งยิงปืนใหญ่ ของลาวที่บ้านบ่อแตน บ้านสร้าน และภูเมี่ยง ส่วนการเข้าตีที่หมายยังคงใช้ กำลังทหารม้าที่มาจากแนวชายแดนสามหมู่บ้านอุตรดิตถ์สับเปลี่ยนเพิ่มเติมกำลังทดแทนการสูญเสียเข้ามา รถยนต์บรรทุกสองตันครึ่ง เอ็ม. ๓๕ ลำเลียงกำลังพลเข้าสู่ที่รวมพลในสมรภูมิอย่างต่อเนื่อง กำลังพลเดินทางขึ้นภูสูงชันกันทุกวันมีเสียงปืนกล ปืนใหญ่ ปืนเล็ก ตูมตามอยู่บ่อยครั้งในแต่ละวัน ตั้งแต่หัวค่ำจนรุ่งสาง
จากการสูญเสียอย่างมากของฝ่ายเรา จึงต้องปรับแผนการรบใหม่โดยใช้การปฏิบัติการทางอากาศเข้าสนับสนุน

ตีสี่ของวันที่๑๒ กุมภาพันธ์ เอฟ.๕ บินขึ้นจาก กองบิน ๔๑ เชียงใหม่ มากองบิน๔๖พิษณุโลกเพื่อมารับการติดตั้งระเบิดและรับฟังแผนการโจมตี ช่วงเช้ายังไม่สามารถปฏิบัติการได้เพราะสภาพอากาศเหนือเป้าหมายปิด ทำให้เครื่องต้องรอจนกว่าสภาพอากาศจะเปิดเสียก่อน เวลาประมาณ ๑๐๐๐   สภาพอากาศเหนือเป้าหมายเปิด เอฟ.๕ได้วิ่งขึ้นจากสนามบินพิษณุโลกเพื่อไปโจมตีสนามบินบ้านนากอก สปป.ลาวแต่สภาพอากาศปิดอีกครั้ง จึงต้องบินวนรอบริเวณ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ที่สุดแล้วก็กลับมาลงสนามบินที่พิษณุโลก เพื่อรอปฏิบัติภารกิจนี้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น