ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

ศึกเขาค้อก่อนยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ตอนที่ ๓

การเดินทางของชุดปฏิบัติการพิเศษลาดตระเวนหาข่าวทั้ง 4 ชุด คงรุกคืบหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและไม่ย่อท้อ ภารกิจต้องเป็นภารกิจ หน้าที่คือสิ่งที่ต้องปฏิบัติยังคงก้องกังวานอยู่ในสำนึกของพวกเขาตลอดเวลา

ไม่มีใครรู้หรอกว่า ทุกขณะจิตของพวกเขา เขาก็อยากจะเข้ามาย่ำอยู่ในเมือง อยู่ในแสงสีของความเจริญเหมือนกัน แต่หน้าที่และความรับผิดชอบทำให้พวกเขาต้องมาเดินย่ำอยู่ในป่าดงพงพีอยู่อย่างนี้

ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งค่ำ ไม่มีใครเชื่อว่าทั้ง 48 คนนั้นยังไม่มีใครดื่มน้ำจากกระติกข้างเอวกันเลยอัตราบรรจุน้ำ 2 กระติกเต็มคือสิ่งที่ทุกคนต้องเก็บออมเอาไว้สำหรับตอนที่ก่อนจะตายจริงๆเท่านั้น

ก่อนจะสิ้นแสงของวันนั้นทั้ง 4 ชุดต่างคนต่างเลือกจุดตั้งฐานลอยเพื่อพักผ่อน อาหารที่เตรียมมาจาก บก.คงจะช่วยได้ในวันรุ่งขึ้นอีกวัน อีกไม่ช้าคงมีเครื่องบินตรวจการณ์บินมาเหนือหัวเพื่อรับรายงานข่าวสารประจำวันซึ่งก็ไม่ใช่ของยากอะไรสำหรับวิทยุแบบพีอาร์ซี .25 ขึ้นเสาอากาศสูง เหตุการณ์ที่รายงานคือปกติ พิกัดที่อยู่คงรายงานให้ได้โดยประมาณเท่านั้น

เหตุการณ์คืนวันนั้นดูเรียบร้อยดี ผู้มาเป็นเพื่อนในยามค่ำคืนเห็นจะมีก็แต่ยุงป่าที่ตัวโตขนาดหัวไม้ขีดทั้งนั้น

การปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนหาข่าวเริ่มต้นขึ้นอีกตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า แนวทางตัดเข้าสู่ภูแจ้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถมองเห็นยอดเขาค้อหรือภูยอดหญ้าได้ในระยะเกือบ 10 กม. เข้าสู่ภูแจ้ภายในค่ำนี้คงถึง ในใจของทุกคนคิด

ชั่วโมงแรกของการเดินทาง

“เสือดำ จาก เสือใหญ่”

“จากเสือดำ ส่งข่าวได้”

“เสือใหญ่พบที่พัก ผกค.”

“ขอรายละเอียดซิ”

“จากเสือใหญ่ เป็นบ้านไม้ไผ่หลังคามุงหญ้าขนาดคนนอนได้ 5-6 คน จำนวน 2 หลัง หันหน้าเข้าหากัน สภาพบ้านปลูกมานานแล้วประมาณ 3-4 เดือน”

“มีคนอยู่มั้ย”

“ตอนนี้สังเกตดูแล้ว เชื่อว่าไม่มี”

“ระยะห่างเท่าไหร่”

“ประมาณ 100 เมตร ปลูกอยู่บนยอดเนินด้านล่าง มีต้นประดู่ใหญ่คลุมไว้ พื้นดินราบเรียบไม่มีร่องเหลด ไม่มีหลุมบุคคล”

“โอเคเสือใหญ่ ให้หาทางเข้าไปหารายละเอียดแล้วเผาเสียเลย”

“โอเค เสือใหญ่ทราบ”

ชุดปฏิบัติการเสือใหญ่เริ่มเข้าภารกิจทันทีในขณะที่อีก 3 ชุดต้องหยุดรอแล้วคอยฟังการรายงานผลการปฏิบัติทางวิทยุ

ชุดตรวจค้น 3 คนของชุดลาดตระเวนทำหน้าที่เข้าเคลียร์ในขณะที่อีก 9 คนคุ้มกันอยู่ด้านนอก การรุกเข้าสู่เป้าหมายของทั้ง 3 คนเข้าทางด้านหลังของกระท่อมหลังซ้ายมือก่อน เร็วและเงียบเพราะถอดเครื่องสนามออกก่อนชั่วคราว เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวภายในอยู่ชั่วครู่ สายตากวาดตรวจรอบๆบริเวณเพราะกับระเบิดคือสิ่งที่ต้องระวังในตอนนี้ จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในกระท่อมหลังนั้น 1 คนในจำนวนนั้นรุกชาร์จเข้าไปที่กระท่อมอีกหลังทันที เงี่ยหูฟังแล้วแล้วแง้มผนังหญ้าแห้งดูเพื่อความมั่นใจ ไม่ต้องให้สัญญาณอะไรอีกทั้ง 3 คนรุกเข้าในตัวกระท่อมทันที แล้วออกมาให้สัญญาณแก่เสือใหญ่หัวหน้าชุด เฉพาะเสือใหญ่คนเดียวที่เข้าไปตรวจภายในกระท่อมทั้งสองหลังนั้น นอกนั้นถูกสั่งให้รายล้อมบริเวณจนรอบ

“จากเสือใหญ่ มีข่าว”

“ว่าไปเลยเสือใหญ่”

เสือดำตอบวิทยุให้รายงานข่าวด่วนได้

“จากเสือใหญ่ สภาพภายในกระท่อมนี้มีแคร่ไม้ไผ่ยาวขนาดนอนได้ 6 คน หมอน 3 ใบ ผ้าขาวม้าเก่าๆ 2 ผืน รองเท้าแตะ 4 คู่ หม้อข้าว 1 ใบ ปลอกกระสุนอาร์ก้า 24 ปลอก ปลอกกระสุน เอ็ม.79 4 ปลอก สายสะพายปืน 1 เส้น กระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำ 4 กระบอก เปลี่ยน”

“ตรวจกองไฟซิว่า พวกมันเข้ามาใช้กระท่อมครั้งสุดท้ายซักเมื่อไหร่”

“คาดว่าไม่เกิน 3 วัน”

“โอเคเสือใหญ่ เอาหม้อข้าวกับกระบอกไม้ไผ่ไว้ ที่เหลือเผาทิ้งทั้งหมด”

“เสร็จแล้ววางกับไหมพี่”

เสือใหญ่ถามความเห็นของเสือดำ โดยว่าควรจะวางกับระเบิดหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรไอ้พวก ผกค. มันคงจะต้องกลับมารังเก่าของมันแน่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

“ไม่ต้องหรอกนะเสือใหญ่ เสร็จแล้วรีบออกเดินทางจากพื้นที่กันเลย”

“โอเคครับพี่”

เสือใหญ่สั่งเผากระท่อมทั้งสองหลังแล้วออกเดินทางต่อทันทีไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า การตัดสินใจของเสือดำในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมาก เปลวไฟและกลุ่มควันที่พุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นสิ่งชี้ชัดว่ามีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พวกตนเข้ามาในพื้นที่ ไอ้พวก ผกค. มันต้องทราบดีอยู่แล้วว่า บริเวณนั้นมีกระท่อมที่พักของพวกมันปลูกอยู่ และพวกมันเองคงไม่จุดไฟเผากระท่อมของตนเองแน่

นั่นคือการประกาศว่า เสือทั้ง 4 กำลังเข้าสู่ดินแดนแห่งสิงห์ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเจ้าของถิ่นเขารู้ตัวแล้ว
การเดินทางเริ่มทันทีเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ตลอดเส้นทางมหาวิบากของวันนั้น บ่อยครั้งที่ทั้ง 4 หัวหน้าชุดต้องหยุดใช้กล้องส่องสองตาตรวจพื้นที่ต้องสงสัย บางแห่งมีร่องรอยถางป่าทำไร่ในอดีต นั่นเป็นเครื่องหมายว่าพวกแม้วหรือพวกม้งเคยใช้เป็นที่อยู่อาศัยทำหากินมาก่อน และก่อนค่ำวันนั้น

“เสือดำจากเสือขาว”

“จากเสือดำ ส่งข่าวได้”

“จากเสือขาว พบเส้นทางคนเดิน ทอดจากด้านซ้ายมุ่งหน้าไปทางภูแจ้ เปลี่ยน”

“มีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกมั้ย”

เสือดำสอบถามรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา

“จากเสือขาว เป็นเส้นทางใหม่ สภาพเส้นทางเหมือนมีคนเดินประจำ ด้านบนมีต้นไม้ปกคลุมหมด ทางกว้างขนาดเดินคนเดียว ร่องรอยอื่นๆ ยังไม่พบ เปลี่ยน”

“โอเค เสือขาว ให้เสือขาวเกาะเส้นทางไปจนถึงด้านหน้าแล้วให้คอยก่อน... เสือเหลือง เสือใหญ่ เปลี่ยน”

“จากเสือเหลือง เปลี่ยน”

“จากเสือใหญ่ เปลี่ยน”

ดูเหมือนทั้งเสือเหลืองและเสือใหญ่คอยฟังอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถูกเรียกจึงตอบได้ทันที

“ให้เสือเหลืองกับเสือใหญ่ ขึ้นไปสมทบกับเสือขาวบนยอดเนินทางขวา 180 องศาประมาณ เปลี่ยน”

“โอเค ครับ”

ทั้งสองเสือตอบเมื่อรับทราบคำสั่ง จนกระทั่งก่อนค่ำเล็กน้อย 4 ชุดจึงได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ละคนยังดูแข็งแรง แม้จะไม่ค่อยสดชื่นนัก ดูจะเป็นความเคยชินของพวกเขาเสียแล้ว
ที่พักแรมค่ำคืนนั้นอาศัยการนอนทับทางกันเลย ทุกสิ่งทุกอย่างฝากความปลอดภัยไว้กับยามคอยเหตุที่ส่งออกไปทั้งสองหัวท้ายของแนว

รุ่งขึ้นทั้ง 4 ชุดแยกกันอีก เสือดำตัดตรงหน้า เสือขาวให้เริ่มแต่ภูกระบะ เสือเหลืองเริ่มจากภูไผ่ และเสือใหญ่เริ่มจากภูก้านเหลือง เหลือระยะในแผนที่อีก 34 ก.ม. ถึงภูยอดหญ้า ค่ำนี้และค่ำวันพรุ่งนี้จะไม่มีเครื่องบินมารับข่าว ดังนั้นการแก้ปัญหา ถ้าหากมี ขอให้ช่วยตัวเองไปก่อน

ไม่มีใครเชื่อเลยว่า สัญญาณควันและเปลวไฟจากกระท่อมทั้ง 2 หลังนั้นจะเป็นเป้าความสนใจของไอ้พวก ผกค. ที่ปฏิบัติการจรยุทธ์อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น ดังนั้นการเข้าที่พัก การเคลื่อนย้ายในวันรุ่งขึ้นจึงตกอยู่ในสายตาของพวกมันโดยสิ้นเชิง

การเกาะติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าหน้านั้น ผกค.มันทำได้ดีเสมอ เพราะอย่างไรเสียหลักการของพวกจรยุทธคือ “เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี เอ็งหนีข้าตาม” พวกมันมักนำมาใช้เสมอๆ และในครั้งนี้ก็เช่นกัน

ผกค.ทั้ง 4 คนในชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ซึ่งแกะรอยของชุดเสือใหญ่มาโดยตลอด และในตอนนี้ก็เช่นกัน ชุดเสือใหญ่ทั้ง 12 คนหรือแม้แต่ชุดอื่นๆ ก็ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่า บัดนี้ศัตรูตัวสำคัญกำลังเดินตามหลังชนิดที่ว่า แกะรอยตีนกันเลย

วันทั้งวันจากเช้าถึงบ่าย จากบ่ายถึงค่ำ ไอ้ผักกาดเค็มทั้ง 4 คน ยังคงแกะชุดเสือใหญ่โดยตลอด จนกระทั่งค่ำ การสั่งการให้หยุดพักตั้งฐานลอยมันก็รู้และเห็น เท่านั้นไม่พอ ในชุดเสือใหญ่มันก็รู้ว่า เสือใหญ่ คนที่เป็นหัวหน้าชุดน่ะคนไหน โดยหลักการรบทั่วๆไปแล้ว บุคคลระดับหัวหน้ากับคนที่มีหน้าที่สำคัญๆของชุดถือเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่จะต้องทำลาย ดังนั้นในชุดนี้ คนที่เป็นเป้าหมายสำคัญก็คือ หัวหน้าชุด รองลงมาคือพลวิทยุ รองลงมาอีกก็คือไอ้พลยิงเอ็ม.79 เพราะมันหมายถึงขวัญและอำนาจในการรบ

คืนทั้งคืนไอ้ผักกาดเค็มมันใจเย็นพอที่จะไม่กระโตกกระตากใดๆให้ฝ่ายเสือใหญ่ได้ผิดสังเกตหรือจับพิรุธได้ ทั้งนี้มันรู้ดีว่าเหยื่อสังหารของมันไม่อ่อนโรยดี

การเดินทางของฝ่ายเสือทั้ง 4 เริ่มขึ้นอีกในเช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมกับไอ้ผักกาดเค็มทั้ง 4 ไม่ลดละที่จะแกะรอยชุดเสือใหญ่ต่อไปอีก

ไอ้ผักกาดเค็มคนเดียวนำหน้าห่างจากเป้าสายตาในระยะที่กำบังแล้วหยุดซุ่มเงียบคอยมองอยูอย่างจับจ้อง อีก 3 คนรุกออกทางปีกอ้อมดักหน้าเหยื่อ เมื่อทันเหยื่อมันจะทิ้งแมวมองไว้ 1 คน คนที่เป็นแมวมองเดิมจะถอนตัวตามพรรคพวกไป สลับกันเป็นเช่นนี้ไปตลอดเส้นทาง ดังนั้นไอ้ผักกาดเค็มทั้ง 4 จะเคลื่อนตัวอยู่วงนอก 3 คน รอฟังการมองเห็นของเป้าหมาย ไอ้ 1 คนที่ทำหน้าที่แมวมองจะกำหนดทิศทางให้ไอ้ 3 คนเลื่อนตัวไป

สถานการณ์ยังไม่เหมาะ พรรคพวกของเหยื่ออาจมาช่วยได้ เวลาที่แสงสว่างอย่างในตอนกลางวันอาจทำให้เหยื่อที่มีกำลังมากกว่าดำเนินกลยุทธ์โต้ตอบได้ ภูมิประเทศที่ไม่มีการได้เปรียบอาจทำให้การตอบโต้ของเหยื่อรุนแรงจนเกินต้านทานได้ และที่สำคัญสุดก็คือเหยื่อสังหารจะต้องอยู่ในสภาพที่ประมาทและเหนื่อยอ่อน ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี นี่คือเหตุผลที่ไอ้ผักกาดเค็มทั้ง 4 คน กำลังพิจารณาเหยื่อสังหารของมันอยู่

ความใจเย็นของไอ้พวกผักกาดเค็มเริ่มจะเป็นผล ดวงมันกำลังขึ้นแต่ดวงของพวกเสือใหญ่กำลังตก เมื่อก่อนค่ำวันนั้น ชุดลาดตระเวนเสือใหญ่ซึ่งอยู่ทางปีกซ้ายสุดของขบวน การเดินทางเริ่มตัดลงพื้นราบ ซึ่งพอจะมีบ้างบนยอดภู ห่างออกไปทางด้านซ้ายประมาณ 30-40 เมตร กลุ่มก้อนหินใหญ่ระเกะระกะสลับกับต้นไม้ใหญ่ซึ่งเหมาะกับการเป็นที่กำบังอย่างที่สุด เส้นทางการถอนตัว เมื่อตัดขึ้นเนินแล้วสามารถวกกลับย้อนไปทางที่เดินมาก็ได้ หรือจะชาร์จออกหน้าไปก็ทำได้อีกเช่นกัน แต่เส้นทางรุกตอบโต้ของฝ่ายเหยื่อสังหารดูจะทำให้ยากมาก เพราะการชาร์จเข้ากลุ่มก้อนหินนั้นดูจะเป็นเป้าเสียมากกว่า

เวลาตอนนั้นเลย 6 โมงครึ่งตอนเย็นไปเล็กน้อย เสียงเหยื่อสังหารพูดคุยกันถึงเรื่องของกินและที่พักนอน แสงสว่างเริ่มลางๆ ร่างของคนเริ่มจับตะคุ่ม มองเห็นเพียง 3-4 คนที่เดินไปมา นอกนั้นต่างเอนกายพิงต้นไม้ ทั้งนี้คงเนื่องมาจากความอ่อนระโหยโรยแรงนั่นเอง

เสือใหญ่คนเป็นหัวหน้าชุดลุกเดินมาหาไอ้พลวิทยุ คงเพื่อจะรายงานเหตุการณ์ประจำวันให้กับเสือดำได้ทราบ เหมือนจะเป็นคราวเคราะห์ก็ว่าได้ วิทยุเครื่องนั้นไม่สามารถจะติดต่อได้ในสภาพที่เครื่องส่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จำเป็นต้องย้ายออกไปรับ-ส่งบริเวณกลางแจ้ง

เสียงพูดรับ-ส่งวิทยุจะพุดว่าอย่างไร ไอ้ผักกาดเค็มมันไม่สนใจและมันก็ไม่ได้ยินด้วย มันเอาแต่เล็งอย่างเดียวไปที่ร่างของคนทั้งสอง

อาร์ก้า.47 2 กระบอกต่อคนที่เป็นเป้า 2 คน มันพยายามตั้งใจเล็งแล้วลั่นไก

“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”

“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”

“โอ๊ยยยย!....”

อาร์ก้า.47 4 กระบอกจากไอ้ผักกาดเค็มรุมเล็งแล้วยิงไปที่เป้าหมายเดียวกัน

“เฮ้ย! โดนเหรด”

เสียงใครคนหนึ่งในชุดเสือใหญ่ตะโกน

“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”

อาร์ก้า.47 กระบอกใหนไม่รู้ยิงซ้ำไปที่เก่า

“หัวหน้าโดนปืนโว้ยพวกเรา”

เสียงร้องโอยนั้นความจริงเป็นเสียงของไอ้พลวิทยุ เพราะกระสุนไม่โดนจุดดับของร่างกาย แต่เสือใหญ่โดนกระสุนเข้าเต็มร่างกายและจุดดับก็คือกระสุนนัดที่เจาะเข้ากลางหัวพอดิบพอดีจึงไม่มีโอกาสได้ร้อง

ร่างของไอ้พลวิทยุร้องได้คำเดียวแล้วนอนแน่นิ่งอยู่กับวิทยุของพวกมันนั่นเอง

“มึงออกทางขวา เดี๋ยวกูจะเข้าไปเอาหัวหน้า”

ไม่รู้ว่าใครสติดีกว่าใครทั้งหมดสั่งการทันที แล้วมันออกวิ่งทันที
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”
อาร์ก้า .47 จับที่ร่างของไอ้คนที่จะเข้าไปช่วยเสือใหญ่อย่างเหมาะเหม็งที่สุด ร่างของมันถึงกับอาการตะกายอากาศ เอช.เค.33 ในมือหลุดกระเด็นไป แล้วล้มลงขาดใจตายทันที

“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”

เอช.เค.33 จากฝ่ายเสือใหญ่เริ่มตอบโต้ไปตามทิศทางที่มาของเสียงอาร์ก้า.ทันที

“เฮ๊ย! ทางซ้ายมือชาร์จสิวะ”

เสียงคนที่อยู่ตรงกลางสั่ง เพราะตอนกลางนั้นไม่สามารถจะรุกชาร์จได้

ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...”

เสียงเอช.เค.33 จากตอนกลางตอบโต้ไปอีกในขณะที่ปีกซ้ายรุกชาร์จ มองเห็นอยู่ว่าทางด้านขวาก็ชาร์จกันโดยไม่ต้องมีใครสั่งเพราะเห็นอยู่แล้วว่าควรจะกางปีทั้งสองโอบมัน

การตอบโต้จากฝ่ายเสือใหญ่ กระทำอย่างรุนแรงที่สุดเหมือนกับว่ากระสุนมีมากมายไม่อั้น ซองกระสุนไหนหมดถูกถอดทิ้งเปลี่ยนใหม่อย่างรวดเร็ว แล้วระดมยิงอย่างหนักทันทีทันใด

ไม่มีกระสุนอาร์ก้า.ตอบกลับมาเลย ถ้าฝ่ายเสือ ตชด. ชุดเสือใหญ่เข้าใจ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า ไอ้พวกผักกาดเค็มมันถอนตัวไปแล้ว ความสำเร็จเป็นของมันอย่างงดงามที่สุด ภารกิจโจมตีโฉบฉวยครั้งนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องสูญเสียกำลังพลถึง 3 คน หัวหน้าชุด พลวิทยุ และพลปืนเล้กอีกคน เท่านั้นไม่พอ วิทยุพีอาร์ซี.25 เครื่องนั้นต้องมาพินาศไปด้วยกระสุนอาร์ก้า.47 เกือบ 10 นัดทะลวงมัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในเมื่อหัวหน้าชุดตาย วิทยุก็ไม่มี... 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น