ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

หน่วยปฏิบัติการชุดล่าสังหาร ตอน ศึกเขาค้อ ก่อนยุทธการผาเมืองเผด็จศึก




                                          ศึกเขาค้อ ก่อนยุทธการผาเมืองเผด็จศึก
                                                                                       โดย คิมซากัสส์ จากนิตยสารสมรภูมิ
                                                                  ตอนที่ 1

เหตุการณ์ทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2514 หากว่าทุกคนไม่ลืมจนเกินไป ในปี 14 นี้เป็นปีที่ทางราชการ โดยเฉพาะทางทหารตั้งแผนยุทธการภูขวางเพื่อปราบปราม ผกค.(ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ในเขตภูหินร่องกล้า การปฏิบัติอย่างรุนแรงในเขตภูหินร่องกล้าทำให้ ผกค.ส่วนหนึ่งทะลักออกไปทางภูค้อ ความจริงแล้วจะเรียกว่าทะลักจากทางภูหินร่องกล้าไปภูค้อก็ไม่ถูกเสียทีเดียว แต่ภูหินร่องกล้ากับภูค้อเป็นเขตติดต่อกัน การเดินทางของ ผกค. หรือ พคท.(พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย) จากภูหินร่องกล้าเข้าสูประเทศลาว หรือจากประเทศลาวเข้ามา ต้องผ่านภูค้ออยู่แล้ว ภูค้อคือหน้าด่านแรกของ ผกค.จากนอกประเทศ

จากหลักฐานต่างๆ ทำให้เชื่อว่า ผกค.เริ่มใช้บริเวณภูหินร่องกล้าเป็นฐานที่มั่นมาตั้งแต่ปี 2507 แต่บริเวณภูค้อเริ่มมาตั้งแต่ปี 2502 ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อเลยว่าภูค้อคือกองบัญชาการเขตงาน 515 และ 520 กองกำลัง พคท.เป็นฐานที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดของ พคท.เขตภาคเหนือ ทุกครั้งที่ ผกค.ในเขตภูหินร่องกล้าต้องแตกถอนจะถอยมารวมกำลังกันที่เขาค้อ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาแผลหรือเพื่อการใดก็แล้วแต่ และในขณะเดียวกันการเสริมกำลังหรือการติดต่อกับคอมมิวนิสต์ในลาวก็จะใช้พื้นที่บริเวณเขาค้อเป็นช่องทางในการเคลื่อนไหวทุกครั้ง

การปฏิบัติการทางทหารในเรื่องของการปราบปรามในเวลานั้น ดุเหมือนจะมีการปราบปรามหนักในเขตพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จ.มุกดาหาร จ.ศรีสะเกษ จ.กาฬสิน เสียมากกว่า แต่ไม่มีใครทราบหรอกว่าในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวเป็นเพียงการเคลื่อนไหวทางด้านมวลชนหรือการปฏิบัติการของหน่วยจรยุทธชุดเล็กๆเท่านั้น ส่วนขุมกำลังหรือกองบัญชาการใหญ่นั้นอยู่ที่ภูค้อหรือภูหินร่องกล้าต่างหาก ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ

บางครั้งได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่าพบ ผกค.จำนวนกว่า 300 คนเคลื่อนไหวในเขตภูค้อ ใครได้ฟังก็หัวเราะ เท่านั้นไม่พอ หน่วยเหนือยังสั่งการอีกว่า ถ้า ผกค.มันมีมากจริงขอให้ถ่ายรูป แล้วใครล่ะ จะกล้าเข้าไปถ่ายรูป ผกค.ทั้ง 300 คนได้ ในขณะเดียวกันนับว่าเป็นยุทธวิธีอันลึกซึ้งของ ผกค. หรือ พคท. ที่จะไม่ใช้กำลังจำนวนมากเกินความจำเป็นเข้าต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กำลังหลักของฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นจะมีก็แต่ ตชด.กับ อส.ที่อยู่ในฐานะชุดคุ้มครองหมู่บ้านเท่านั้น ด้วยยุทธวิธีตามแบบที่ ผกค.มันถนัดคือการเข้าโจมตีแบบโฉบฉวย การซุ่มโจมตี ซึ่งการปฏิบัติการของ ผกค.แบบนี้เป็นการรบเพื่อทำลายขวัญกำลังใจมากกว่าจะรบให้แตกหัก และผลก็คือความสำเร็จเป็นของฝ่าย ผกค.ทุกครั้งไป

การปะทะที่รายงานเข้าสู่ บก.ทัพภาค 2 ส่วนหน้าของทุกๆครั้งนั้น การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่คือพล็อตเหตุการณ์เหล่านั้นลงบนแผนที่สถานการณ์ พร้อมกับรายงานให้หน่วยเหนือทราบเท่านั้นเอง ไม่ได้มีปฏิบัติการตอบโต้แต่อย่างใด และในครั้งนี้ก็เช่นกัน

ภายในห้องยุทธการของ บก.ทัพภาค 2 ส่วนหน้า จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ยุทธการกำลังพล็อตแผนที่ยุทธการอย่างขะมักเขม้นภายใต้การควบคุมของเสธ.ฝ่ายข่าวเพื่อเตรียมการปรับแผนปฏิบัติระหว่างกองทัพภาคที่ 2 กับกองทัพภาคที่ 3 ต่อพื้นที่รอยต่อของทั้งสองกองทัพบริเวณ จ.เพชรบูรณ์ จ.เลย และ จ.น่าน

ความเคลื่อนไหวทุกรูปแบบของ ผกค. ในพื้นที่ 3 จังหวัดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา รวบรวมจากข่าวทุกกระแสที่ได้รับรายงานการขยายมวลชน การออกหาเสบียง การปะทะ พื้นที่ตั้งฐานที่มั่น พื้นที่อิทธิพล ช่องทางแทรกซึมระหว่างประเทศ เส้นทางการเคลื่อนย้ายและอื่นๆที่จำเป็น ทั้งหมดถูกบันทึกลงบนแผนที่ ช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงพื้นที่อันกว้างขวางของการเคลื่อนไหวของผกค.

เหตุการณ์ทั้งหมดต่างวาระต่างสถานที่กันจึงทำให้เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม ผกค.เพียงไม่กี่กลุ่ม และน่าจะเป็นการกระทำของพวกจรยุทธเสียมากกว่า ทั้งนี้และทั้งนั้นอยู่ที่การตัดสินใจตกลงใจสรุปสถานการณ์เป็นหน้าที่ของฝ่ายเสนาธิการทั้งสิ้น และไม่มีใครจะโต้แย้งได้

ในการบรรยายสรุปสถานการณ์วันนั้นพอสรุปได้ดังนี้

เมื่อ 4 มกราคม 2515 เวลา 04.00 ผกค.จำนวน 4 คน อาวุธครบมือเข้าโจมตีโฉบฉวยต่อที่ตั้งชุดคุ้มครองหมู่บ้านบ้านโคกก่อ พิกัด PV.479623 ผลปรากฏว่า อส.เสียชีวิต 1 นาย ตชด.บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ทราบผลเสียหายของฝ่าย ผกค.

เมื่อ 13 มกราคม 2512 เวลาประมาณ 12.00 น. ผกค.จำนวน 12 คน อาวุธครบมือ ไม่มีอาวุธหนัก ทำการซุ่มโจมตีขบวนยานยนต์ ของ นอภ.นาแห้ว จ.น่าน ที่บริเวณพิกัด PV.628493 ผลปรากฏว่า ยานพาหนะได้รับความเสียหายเล็กน้อย ไม่มีใครได้รับอันตราย คาดว่าการปฏิบัติการของกลุ่มผกค.ในครั้งนี้เป็นลักษณะของการข่มขู่ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่มากกว่า

เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2512 ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองสายฟ้า.14 ว่าพบค่าย ผกค.ที่ภูการ้อง บริเวณพิกัด QV.671430 มี ผกค.ประมาณ 50 คน สหายสอนเป็นหัวหน้า ลักษณะของค่ายเป็นแบบฐานลอย ไม่มีการดัดแปลงที่ตั้งให้มั่นคงแข็งแรง ปัจจุบันคาดว่า ผกค.ค่ายแห่งนี้ได้โยกย้ายออกไปแล้ว

เมื่อ 4 เมษายน 2512 เวลาประมาณ 19.00 น. ผกค.จำนวน 16 คน สหายลุงสุวรรณเป็นหัวหน้า ทุกคนมีอาวุธครบมือ ได้ออกทำการปลุกระดมมวลชนและหาเสบียงที่บ้านหินเหิบพิกัด PV.191431บ้านพงดุ พิกัด PV.211435 ในการนี้มีชาวบ้านสมัครใจเข้าป่าร่วมขบวนการกับ ผกค.จำนวน 6 คน

เมื่อ 28 เมษายน 2512 เวลาประมาณ 13.00 น. ชุดคุ้มครองหมู่บ้านบ้านนาน้อย จำนวน 12 คน ประกอบด้วย ตชด. 6 คน และ อส. 6 คนออกลาดตระเวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของ ผกค. ได้เกิดการปะทะกับกลุ่ม ผกค. จำนวน 6 คน โดยบังเอิญบริเวณริมแม่น้ำเง็กที่พิกัด PV.151121 ผลปรากฏว่า ผกค.บาดเจ็บ 2 คน ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย

เมื่อ 30 เมษายน 2512 เวลา 09.30 น. ฮ.ของกองทัพอากาศจำนวน 1 ลำ ถูก ผกค.จำนวนหนึ่งใช้อาวุธปืนเล็กยิงจากพื้นดินถูกลำตัว ฮ.เสียหายเล็กน้อย นักบินและเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องปลอดภัย

ภารกิจของ ฮ.ในครั้งนี้เพื่อไปรับคนป่วยที่ฐานบ้านม่วงฮ่อม ผกค.ที่เกาะฐานอยู่ห่างประมาณ 500 เมตร ทำการโจมตี ฮ.ในขณะร่อนลงต่ำ แต่นักบินสามารถหลบหลีกและปฏิบัติสามารถหลบหลีกและปฏิบัติภารกิจได้โดยสำเร็จ

เมื่อ 15 มิถุนายน 2512 เวลาประมาณ 20.00 น. ผกค.จำนวน 20 คน อาวุธครบมือ สหายรุ่งธรรมเป็นหัวหน้า ทำการสังหารกำนันพร ในบ้านพักที่บ้านโคกก่อ พิกัด PV.210300 เนื่องจากกำนันพรทำการขัดขวางและไม่ให้ความร่วมมือกับขบวนการของ ผกค. การปฏิบัติการของกลุ่ม ผกค.ในครั้งนี้ได้สร้างความหวาดเกรงให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งปรากฏว่ามีประชาชนประมาณ 10 ครอบครัวต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นเพื่อหลบหนีอิทธิพลของ ผกค.กลุ่มนี้

เมื่อ 20 มิถุนายน 2512 ชุดลาดตระเวนหาข่าวได้รายงานว่าพบ ผกค.จำนวน 55 คน อาวุธครบมือ เดินทางจากประเทศลาวเข้ามาในเขตไทยในพื้นที่ อ.นาแห้ว ไม่ทราบว่า ผกค.กลุ่มนี้จะเดินทางไปที่ใด ลักษณะของเส้นทางในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ ผกค.ใช้เส้นทางเดินเท้าบนสันเขาซึ่งมีอยู่ทั่วไป โดยออกเดินทางกันทั้งกลางวันกลางคืน คาดว่า ผกค.ชุดนี้ เดินทางเข้ามาสมทบกับพรรคพวกที่บริเวณภูหินร่องกล้า

เมื่อ 30 มิถุนายน 2512 หน่วยได้ทำการตรวจค้นและจับกุมร้านประกอบชัย ซึ่งปกติเป็นอู่รับซ่อมเครื่องยนต์ในตลาด จ.น่าน การตรวจค้นพบอุปกรณ์สนับสนุน ผกค.ประเภทยารักษาโรค อาวุธและกระสุนจำนวนหนึ่ง ซึ่งผลจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และทราบว่าบุคคลนี้ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากต่างประเทศและดำเนินงานมาแล้วเป็นเวลาถึง 6 ปี

เมื่อ 4 กรกฎาคม 2512 ชุดลาดตระเวนหาข่าวของกองทัพภาค 2 ส่วนหน้าจำนวน 12 คน ได้ถูก ผกค.จำนวนประมาณ 30 คนอาวุธครบมือเข้าทำการโจมตีที่บริเวณพิกัด QV.781928 การปะทะครั้งนี้ฝ่ายเราเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน หลังจากถูกฝ่าย ผกค.พยายามปิดล้อมอยู่ประมาณ 48 ชม. ฝ่ายเราได้พยายามเล็ดลอดหลบหนีออกจากวงล้อมมาได้ พร้อมทั้งนำศพคนตายและคนเจ็บออกมาด้วย สำหรับผลเสียหายของฝ่าย ผกค. ไม่ทราบ

เมื่อ 6 ตุลาคม 2512 กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ได้สั่งชุดลาดตระเวนหาข่าวซึ่งจัดจากฝ่ายทหาร 2 ชุด ฝ่าย ตชด. 2 ชุด ทำการส่งลงที่พิกัด QV.101428,QV.482627,QV.957432 และ PV.674593 การปฏิบัติการครั้งนี้มีกำหนด 3 เดือน ปัจจุบันชุดปฏิบัติการทั้ง 4 ชุด ยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่และได้รายงานข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง

14 ตุลาคม 2512 เวลาประมาณ 19.30 น. ผกค.ประมาณ 6 คน เข้าโจมตีโฉบฉวยต่อฐานชุดคุ้มครองหมุ่บ้านบ้านนาสว่าง พิกัด QV. 641120 นานประมาณ 10 นาที ผลปรกฏว่ากำลังฝ่ายเราเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 5 คน ขณะเกิดการปะทะชุดคุ้มครองหมู่บ้านบ้านนาสวรรค์ได้สั่งชุดปฏิบัติการพิเศษจำนวน 30 คน เดินทางโดยรถยนต์ 3 คันไปช่วย เมื่อชุดปฏิบัติการพิเศษเดินทางไปถึงบริเวณพิกัด QV.636117 ได้ถูก ผกค.จำนวนหนึ่งใช้อาวุธทำการซุ่มโจมตีชุดปฏิบัติการพิเศษเป็นเหตุให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษซึ่งมียศเป็น ร.ต.อ. เสียชีวิตพร้อมกำลังพลอีก 6 คนเสียชีวิต บาดเจ็บ 12 คน รถยนต์เสียหายใช้การไม่ได้ทั้ง 3 คัน หลังจากปฏิบัติการซุ่มโจมตีแล้ว ฝ่าย ผกค.ได้ถอนตัวไปโดยไม่ได้โจมตีซ้ำเติมต่อชุดปฏิบัติการพิเศษแต่อย่างใด

24 ตุลาคม 2512 เครื่องบินตรวจการณ์แอล-19 ของกองทัพอากาศขึ้นลาดตระเวณถ่ายภาพทางอากาศถูกยิงจากพื้นดินบริเวณพิกัด PV.991876 เครื่องบินถูกกระสุนบริเวณส่วนท้าย 2 จุด เครื่องไม่ได้รับความเสียหาย นักบินและช่างภาพปลอดภัย จากการตรวจรอยกระสุนแล้วเชื่อว่า ผกค.ใช้ปืนกลขนาด 12.7 มม. ทำการยิง

ในวันรุ่งขึ้น เครื่องบินได้ขึ้นทำการลาดตระเวณถ่ายภาพทางอากาศอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการยิงต้านทานจากทางภาคพื้นดินอีกอย่างเดิม แต่นักบินสามารถใช้เทคนิคการบินหลบหลีกการยิงต้านทานของฝ่าย ผกค.จนได้ โดยที่เครื่องบินไม่ได้รับการเสียหายแต่อย่างใด และสามารถถ่ายภาพจนสำเร็จ จากการวิเคราะภาพถ่ายทางอากาศพบอาคารมุงหญ้าขนาด 6X12 เมตรจำนวน 3 หลัง สนามฝึกร่องเหลดและบังเกอร์จำนวนหนึ่ง จากภาพถ่ายคาดว่าบริเวณพิกัดดังกล่าวเป็นค่ายฝึกอีกแห่งหนึ่งของ ผกค. จากที่ตั้งแห่งนี้สามารถเดินทางติดต่อกับฝั่งประเทศลาวได้โดยใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 ชม.เท่านั้น

เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2512 ชุดปฏิบัติการพิเศษจาก ตชด. จำนวน 36 นาย ทำการลาดตระเวณบริเวณภูยอดหญ้า PV.149521 เพื่อศึกษาภูมิประเทศ เส้นทางเคลื่อนย้ายของ ผกค. หาข้อมูลพื้นที่อิทธิพลของ ผกค.และหาที่ตั้งสำหรับการตั้งฐานที่มั่นของฝ่ายทหารและ ตชด.

ในระหว่างปฏิบัติภารกิจนั้นได้เกิดปะทะกับ ผกค.ในพื้นที่ การปะทะกินเวลานานถึง 3 วัน โดยที่ฝ่ายเราไม่สามารถสนับสนุนทางอากาศหรือการใช้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนได้เลยแม้แต่น้อย การสนับสนุนทางภาคพื้นกระทำได้หลังจากการปะทะผ่านไปแล้วถึง 7 วัน จากการเข้าเคลียร์พื้นที่ปรากฏว่า กองกำลังของชุดปฏิบัติการพิเศษทั้งหมด 36 คนเสียชีวิตหมด

เป็นที่น่าสังเกตุว่าการลำเลียงศพคนตายออกจากพื้นที่โดยทาง ฮ.นั้น ไม่ได้รับการขัดขวางหรือต่อต้านจากฝ่าย ผกค.ในพื้นที่เลย จึงพอจะคาดการณ์ได้ว่า ฝ่าย ผกค.ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยกำลังของฝ่ายตนมากนัก ทั้งนี้ฝ่าย ผกค. หรือ พคท.ตระหนักดีว่าหากฝ่ายตนเองเปิดเผยมากเกินไปแล้วย่อมจะต้องถูกฝ่ายรัฐบาลปราบปรามอย่างหนักได้

ต่อการปฏิบัติการของฝ่าย ผกค.ในครั้งนี้คาดว่า ผกค.จะต้องใช้กำลังไม่น้อยกว่า 100 คนและหลังจากตรวจสอบสภาพประชาชนในพื้นที่แล้วมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าประชาชนเหล่านั้นเป็นมวลชนของฝ่าย ผกค.ทั้งสิ้น

เมื่อ 8 พฤษจิกายน 2512 หลังจากเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณภูยอดหญ้านำศพกลับออกมาแล้ว 2 วัน หน่วยเราได้สั่งการให้เครื่องบินตรวจการณ์ แอล-19 ขึ้นทำการลาดตระเวณถ่ายภาพทางอากาศอีกครั้ง โดยมีกำหนด 2 วันคือวันที่ 8 และ 9 พฤษจิกายน การปฏิบัติการลาดตระเวณถ่ายภาพทางอากาศได้รับการต้านทานจาก ผกค.ทางภาคพื้นเป็นอย่างมาก คาดว่า ผกค.ใช้ ปตอ. ขนาด 12.7 มม. ไม่ต่ำกว่า 10 กระบอกจากจุดต่างๆรอบภูยอดหญ้าระดมยิง ซึ่งจาการระดมยิงของฝ่าย ผกค. ในวันแรก เครื่องบินที่ทำการลาดตระเวณได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก แต่นักบินก็สามารถบินประคองเครื่องกลับมาลงสนามบินที่ จ.น่านได้ โดยที่นักบินและช่างภาพปลอดภัยดี สำหรับการลาดตระเวนในวันรุ่งขึ้นต่อบริเวณเดิม ยังถูกยิงต้านทานจากทางพื้นดินอีก คราวนี้เครื่องบินได้รับการเสียหายเล็กน้อย และสมารถถ่ายภาพได้มากพอสมควร จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายลัวพบว่ามีอาคารขนาดต่างๆ กว่า 50 หลังรอบบริเวณภูยอดหญ้า อาคารเหล่านี้มีการพรางเป็นอย่างดี ลักษณะของการปลูกสร้าง ลักษณะที่ตั้งไม่ใช่ลักษณะของหมู่บ้านประชาชนธรรมดา จึงเชื่อได้ว่าอาคารเหล่านี้ไม่ใช่บ้านเรือนของประชาชนแต่เป็นค่ายพักของพวก ผกค. นอกจากนั้นกลุ่มของอาคารค่ายพักทุกแห่งมีทางเดินถึงกันทั้งหมด รอบๆบรืเวณมีการขุดร่องเหลดและมีหลุมบังเกอร์ปืนกลขนาด 12.7 มม. อยู่เป็นระยะๆ จนสามารถต่อต้านการปฏิบัติการทางอากาศของฝ่ายเราได้เป็นอย่างดี

จากการวิเคราะห์ข่าวที่ได้รับรายงานจากหน่วยข่าว จากการวิเคราะห์พื้นที่ปฏิบัติการของ ผกค. และจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศที่ได้รับมาครั้งสุดท้าย ฝ่ายเราสมารถประเมินการได้ว่าบริเวณภูยอดหญ้าต้องเป็นแหล่งขุมกำลังใหญ่ของ ผกค.ที่ปฏิบัติการในเขตภาคเหนือของประเทศไทยในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของ ผกค.ในเขตเพชรบูรณ์ เลย และน่าน อยู่ในพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางกิโลเมตรนี้ทั้งสิ้น (กริดโซน PV.10,000 กม.2 และ QV.10,000 กม.2) เป็นที่เชื่อได้ว่าว่าศูนย์กลางกองบัญชาการของ ผกค. หรือ พคท.เขตภาคเหนือ จะต้องตั้งอยู่ที่บริเวณภูยอดหญ้านี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ พื้นที่อิทธิพลที่ฝ่าย ผกค.สามารถขยายอิทธิพลออกไปอีกจนครอบคลุมพื้นที่ภูค้อ ภูตะเคียนโง๊ะ ภูขัด ภูร่องกล้า ภูห้วยซาย และต่อทอดออกไปถึงฝั่งประเทศลาว

จากการติดตามข่าวสารมาโดยตลอดเชื่อว่า ผกค.สามารถเดินทางจากแนวชายแดนโดยเข้ามาทางด้านภูร่องกล้า แล้วอาศัยทางเดินตามสันเขาเข้าถึงภูค้อจะใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 วันเท่านั้นเอง และปัจจุบัน (ก่อนปี 2516) ผกค.ก็ยังคงใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการเคลื่อนที่ ซึ่งมีทั้งการเคลื่อนภายในประเทศและเคลื่อนไปมาระหว่างไทย-ลาว 


1 ความคิดเห็น:

  1. ภูค้อ ภูร่องกล้าและภูยอดหญ้า อยู่ในจังหวัดอะไรครับ

    ตอบลบ