ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

ศึกเขาค้อ ก่อนยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ตอนที่ ๗

พวกลาดตระเวณทั้ง 45 คนซึ่งกระจายกำลังกันอยู่เป็น 3 จุดบนยอดเนินเหลียวมอง ฮ.ทั้ง 2 ลำจากไปด้วยอาการในจิตใจที่บอกไม่ถูก ความกังวลในเพื่อนร่วมรบทั้ง 3 ร่างที่ไปกับ ฮ. กับความรู้สึกที่ถูกโดดเดียวให้เผชิญกับศัตรูที่มีทั้งอำนาจการยิงและชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า ความท้อแท้และหวาดหวั่นในความตายเกิดขึ้นชั่ววูบในความรู้สึก 

เสียงคำรามจาก ปรส.76 และปืนกล 12.7 มม. คลิ่นควันดินปืนดูจะถูกกลืนไปอย่างสิ้นเชิง ภาพของฐานละลาย ภาพของคนตายและพิการปรากฏขึ้นแทนในห้วงความรู้สึก ใครบ้างที่ไม่กลัวความตาย ใครบ้างที่ไม่กลัวพิการ นักรบแม้จะมีหัวใจรุกรบสักเพียงใด เขาก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดาๆเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งผิดปกติวิสัยอันใดเลย ที่พวกลาดตระเวณเหล่านั้นจะเกิดความกลัวขึ้นมาบ้าง แต่...อาการแห่งความกลัวปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น สถาบันของพวกเขา ชีวิตจิตใจของเขาที่ได้รับการหล่อหลอมขึ้นมาเพื่อการฆ่าและการตายโดยเฉพาะ ความกลัวของพวกลาดตระเวณจึงไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นแต่อย่างใด จนกระทั่งเสียงของเสือดำดังขึ้น 

“พวกเราใจเย็นๆไว้ก่อน เดี๋ยวพวกเขาจะส่งเครื่องมาใหม่ ตอนนี้ให้พวกเราหาที่กำบัง แล้วก็วางตัวเงียบไว้ก่อน” 

คำปลุกใจจากเสือดำ มีความหมายพอที่จะรักษาขวัญกำลังใจของลูกน้องไว้ได้บ้าง จ่ามานะ ผบ.ชุดลาดตระเวณหน้าของชุดเสือดำค่อยๆคลานเข้าหาเสือดำ 

“มีอะไรหรือจ่า” 

เสือดำหันถาม คนอื่นพลอยหันมามองด้วย 

“ผมอยากจะปรึกษาผู้กองเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละครับ” 

จ่ามานะหมายถึงสถานการณ์ที่ฝ่ายชุดลาดตระเวณต้องตกเป็นเป้าอาวุธของฝ่าย ผกค. ชนิดที่ว่าไม่มีอาวุธใดตอบโต้เลย 

“ว่ามาเลยจ่า” 

“ผมว่า...เราควรจะถอนตัวออกจากเนินนี้ดีกว่าครับ เพราะเราไม่มีอาวุธที่จะตอบโต้มันได้เลย แล้วการถอนตัวตอนกลางวันแบบนี้ก็ทำได้ง่ายกว่าตอนกลางคืนนะครับ” 

เสือดำยังไม่ได้ตอบในทันทีทันใด แต่หันกลับไปมองทางที่ตั้ง ปรส.76 สลับกับที่ตั้งปืนกล 12.7 กระบอกนั้น ในความรู้สึกบอกว่า ระยะห่างจาก ปรส.76 กระบอกนั้นไม่เกิน 1,000 เมตร ดูเหมือนจะเป็นระยะหวังผลของมัน อำนาจระเบิดของหัวกระสุนของมันรัศมีประมาณ 10 เมตร ทั้งนี้ไม่คิดอำนาจในการทะลุทะลวงต่อที่กำบังแล้วไอ้ปืนกล 12.7 มม.ล่ะ ระยะไม่เกิน 800 เมตร แน่นอน ไม่ได้ไกลเกินระยะยิงหวังผลของมันอีกเช่น ปริมาณการยิงนาทีละ 450 นัด ไม่น่าจะมีใครรอดจากประมาณการยิงปานห่าฝนของมันไปได้เลย ส่วนอาวุธของฝ่ายลาดตระเวณมีเพียง เอ็ม.16 กับเอชเค.33 ระยะยิงหวังผลเพียง 400 เมตร พิจารณาแล้วมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย มันเหมือนผู้ใหญ่กับเด็ก 

คิ้วของเสือดำขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง มันเป็นอาการของคนที่ใช้ความคิดอย่างหนักเสือดำนิ่งเงียบไป จ่ามานะก็ไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบ ทั้งนี้รู้ดีว่า ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของคนที่มีรหัสว่า “เสือดำ” เท่านั้น 

จนกระทั่งเสือดำหันหน้ากลับมายิ้ม เสือดำยิ้ม จ่ามานะก็ยิ้ม พลอยให้พวกลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆยิ้มไปด้วย แต่ไม่มีใครทราบความหมายในยิ้มของกันและกันเลย 

“จ่าว่ามันจะเผด็จศึกพวกเราได้มั้ย” 

“ก็คงไม่ได้หรอกครับ” 

“แล้วทำไมเราต้องถอนตัวด้วยละ” 

“ผมคิดว่าในตอนนี้เราตกเป็นเป้าแต่ฝ่ายเดียว เป้าเราเป็นเป้าใหญ่ ผมกลัวว่า พวกเราจะมีการพลาดเกิดขึ้นอีก” 

รอยยิ้มเสือดำหายไป พวกลูกน้องก็พลอยหายไปด้วย 

“จ่ามีแผนการอะไรมากกว่านี้มั้ย” 

“พวกเราส่วนใหญ่ถอนตัว หาที่ตั้งที่กำบังใหม่ แล้วส่งกำลังส่วนหนึ่งเล็ดลอดเข้าหาที่ตั้งของมัน” นั่นเป็นเหตุผลของจ่ามานะ 

“การเล็ดลอดเข้าหามันทางด้านหน้านี้ ทำไม่ได้แน่ เพราะมันเป็นที่โล่ง ป่ามันโปร่งเกินไปไม่มีที่กำบัง แล้วไอ้การที่จะเข้าด้านหลังมันน่ะ ระยะทางมันไกลเกินไปต้องอ้อมเขาเป็นลูกๆ กว่าจะถึงตัวมัน มันคงเผ่นไปหมดแล้ว แล้วอีกอย่างนะ เดี๋ยวจะมีเครื่องบินมาโจมตีมันอีก เราต้องอยู่ชี้เป้าให้นักบิน แล้วถ้ายิ่งเราไปอยู่ใกล้บริเวณเป้าหมาย มีหวังโดนเครื่องบินฝ่ายเดียวกันแน่” 

เสือดำให้คำตอบพร้อมทั้งเหตุผลที่ยาวพอสมควร จ่ามานะดูเหมือนจะเข้าใจ แกหันไปมองทางด้านที่อยู่ของศัตรูอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก 

“แล้วผู้กองคิดว่าเราควรทำยังไงต่อไปละครับ” 

เสือดำยังไม่ได้ตอบ ทุกคนก็ต้องหมอบราบลงกับพื้น 

“ตุ๊ง...กรั้มมมมมม!” 

เสียงไอ้ ปรส.กระบอกเดิมจากที่ตั้งเดิม เสียงระเบิดตัวเองดัง “ตุ๊ง” ดังก้องมาให้ได้ยินก่อน ติดตามด้วยเสียงระเบิดของหัวกระสุนดังลั่นจนแสบแก้วหู ดูเหมือนกำลังพวกลาดตระเวนทั้งหมดจะหันย้อนไปทางกลองเนิน มองเห็นแล้วว่ามันแม่นยำเอาการ กลุ่มควันและเศษหินที่กระจายขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อตอนที่ ฮ.ยังจอดอยู่มีหวังแหลกเป็นจุล พวกลาดตระเวณปลอดภัยทุกคนเพราะหลบอยูในที่กำบัง 

“ตุ๊ง...กรั้มมมมมม!” 
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...” 
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...” 
“ปัง...ปัง...ปัง...ปัง!...” 

เสียง ปรส.นำมาก่อน ตามด้วยเสียงปืนกล 12.7 มม. กระบอกนั้นตามกันมาเหมือนพี่กับน้อง ที่มุ่งรุมกินโต๊ะพวกชุดลาดตระเวน กระสุนแต่ละนัดไม่ได้ออกจากใจกลางกองเนินเลย 

“พวกเรามีใครเป็นไรบ้างโว้ย” 

เสือดำตะโกนถามออกไป 

“ปลอดภัยครับ” 

“ปลอดภัยครับ” 

เสียงตอบมาจากสองด้านของเนินที่ซุ่มตัวอยู่ 

“พวกเราไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกระสุนมันก็หมด ใจเย็นๆไว้” 

จ่ามาะ ตะโกนเสริมออกไปอีก 

“สบายใจมากครับ” 

ไม่รู้ว่าใครตะโกนตอบมา ซึ่งทั้งเสือดำ เสือเหลือง และเสือขาวต่างก็พอใจ แล้วความเงียบของทั้งสองฝ่ายก็เกิดขึ้นอีก ต่างคนก็ต่างเดาใจกันไม่ถูก ว่าใครกำลังจะทำอะไร แต่ที่แน่ๆ พวกชุดลาดตระเวนต่างหมอบนิ่ง สายตากวาดมองไปรอบๆ ไกลเท่าที่จะไกลได้ ใครจะรู้ละว่า กำลังบางส่วนของมันอาจจะมีอาวุธแบบเดิมมาเสริมอีกด้านหนึ่ง หรืออาจจะใช้กำลังคนที่มากกว่ารุกเข้าประชิดหวังขยี้พวกลาดตระเวนให้แหลกราญก็ได้ จนแล้วจนรอด เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ยังไม่ปรากฏวี่แววอะไรมาให้เห็น แต่พวกชุดลาดตระเวณดูยังจะใจเย็นอยู่ โดยเฉพาะเสือดำที่เอนกายพิงก้อนหินสูบบุหรี่เหมือนทองไม่รู้ร้อน 

และแล้วทุกคนก็ต้องสะดุ้งวาบ หันไปมองทางด้านทิศเหนือ คงไม่ใช่เฉพาะพวกลาดตระเวนเท่านั้นที่หันไปมอง คิดว่าไอ้ ผกค. มันก็คงหันไปมองด้วยถ้ามันยังอยู่ในบริเวณนั้นมันก็คงหันไปมองด้วยถ้ามันยังอยู่ในบริเวณนั้น 

เสียงเครื่องบิน โอ.วี.10 ดังแว่วมาอย่างชัดเจน จำนวนเครื่องเท่านั้นที่ยังมองไม่เห็น 

พวกชุดลาดตระเวนดูจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างที่หน่วยเหนือไม่ทอดทิ้งเสียทีเดียว 

เสือดำลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนสั่งการทันที 

“ไอ้เล็กเอาผ้าสัญญาณผืนแรกมาวาวตรงนี้ ไอ้เสือเหลืองเอาแผ่นผ้าสัญญาณไปวางตรงโน้น ให้แนวผ้าชี้ตรงเข้าหาไอ้ ปรส.สิวะ” 

ไอ้เล็ก นายสิบที่อยู่ใกล้เสือดำวิ่งไปย้ายตำแหน่งแผ่นผ้าสัญญาณสีแสดสะท้อนแสงตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว พร้อทกับคนของด้านเสือเหลืองจัดการตามคำสั่งด้วย มองเห็นมันย้ายซ้าย-ขวา 2-3 ที ทำท่าเล็งให้ตรงแนวแล้วตอกสมอยึดตรึงทันที แผ่นผ้าสัญญาณทั้ง 2 ผืน ห่างกันประมาณ 80-100 เมตร ช่วยในการหมายแนวได้เป็นอย่างดี 

เสือดำเรียกหาวิทยุถือไว้แล้วรอการเรียกจากนักบิน ซึ่งก็ได้ผล 

“เสือดำ...จากเหยี่ยวขาว เปลี่ยน” 

เสียงนักบินเรียกลงมา การเข้าหาพิกัดของนักบินในครั้งนี้ไม่ยุ่งยากอันใดเลย ฮ.ได้ให้พิกัดไว้ก่อนแล้ว 

“จากเสือดำ” 

“โอเค เสือดำเสียงวิทยุชัดแจ๋วมาก เป็นไงสบายดีเหรอ” 

“สบายกะผีอะไรล่ะ คอจะขาดตายอยู่แล้ว... เป็นไง เห็นผ้าหมายแนวมั้ย” 

ดูเหมือนนักบินพยายามจะตลก แต่เสือดำตลกไม่ออก เพราะปืนของศัตรูกำลังจ่อคอหอยอยู่ 

“เห็นแล้ว..เสือดำ เดี๋ยวจะลดความสูงลงบินทับแนวเข้าหาเป้า เสือดำช่วยปรับแนวให้ด้วยะ” 

“โอเค จัดการได้เลย” 

โอ.วี.10 บรองโก ทั้ง 2 เครื่องบินวนเวียนอยู่บนอากาศแล้วลดเพดานบินลงทันที แต่ความสูงดูเหมือนจะสูงกว่า 3,000 ฟุต 

“ลงมาอีกหน่อยสิ เหยี่ยวขาว ทำเป็นปอดแหกไปได้” 

“ใจเย็นๆนะ เสือดำ” 

โอ.วี.10 ลำแรกปักหัวลงทันที อาการร่อนตัวของมันแสดงถึงความคล่องแคล่วและฝีมือของักบินอย่างเห็นได้ชัด ลดเพดานบินลงมาจนกระทั่งเหลือ 1,000 กว่าฟุต 

“โอเค เหยี่ยวขาว ตรงแนวดีแล้ว ที่หมายกึ่งกลางเนินตรงหน้าระยะ 1,000 เมตร ปรส.ข้าศึก 1 กระบอก และจากปลายแผ่นผ้าสัญญาณ ทิศทาง 2 นาฬิกาที่หมายกึ่งกลางเนิน ระยะ 800 เมตร ปืนกล 12.7 มม.ของข้าศึก 1 กระบอก เลือกเอาเลยเหยี่ยวขาว” 

“เฮ๊ย!! เสือดำ.. มี 12.7 ด้วยหรือ” 

เสียงนักบินตะโกนลั่นมาทางวิทยุ พร้อมกับดึงเครื่องให้สูงขึ้นไปอีก 

“โธ่เอ๊ย ไอ้เหยี่ยว มันมีตั้งนานแล้วโว้ย” 

“อะไรกันวะ แล้วทำไมไม่บอกเสียแต่ทีแรกวะ” 

แสดงว่านักบิน ฮ.ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายไว้ เหยี่ยวขาวต้องคิดหนัก เป้าหมายการโจมตีครั้งนี้นักบินควรจะจัดการกับไอ้ปืนกล 12.7 มม.เสียก่อนเพราะมันเป็นอันตรายต่อเครื่องบินมากกว่า ปรส.แต่ทางภาคพื้นดินนั้น ต้องการให้จัดการกับไอ้ปรส.ก่อน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างนักรบบนอากาศดินกับนักรบทางพื้นดิน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น